เรื่องเก่าเล่าใหม่ EP32 : “พลอฟดิฟ-รูเซ, บัลแกเรีย”
โดย : โบ๊ท-มหาสมุทร สายสวรรค์
อ่าน เรื่องเก่าเล่าใหม่ EP27 “อาดิยามัน-แคปปาโดเจีย, ตุรกี”
วันที่ 8 กรกฏาคม 2559 : นับเป็นวันที่ 36 ของการเดินทาง หลังจากก้าวเข้ามาสู่ทวีปยุโรปเรียบร้อย..เช้าวันนี้เราเริ่มต้นด้วยเลข 9 กับการล้อหมุนอย่างพร้อมเพรียงกันในเวลา 9 โมงเช้า โดยมีเป้าหมายคือเมืองรูเซ Ruse ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชายแดนประเทศบัลแกเรีย สาเหตุที่จะไปพักที่นั่น ก็เพราะว่าวันถัดไปเราจะข้ามไปที่ประเทศโรมาเนียนั่นเอง
แต่ก่อนอื่น ในช่วงเช้าวันนี้ เรามีโปรแกรมไปเยือนเมืองเก่าพลอฟดิฟกันก่อน ซึ่งอยู่ห่างจากโรงแรมที่เราพักเพียงแค่ไม่ถึง 15 นาที พลอฟดิฟเป็นเมืองใหญ่เป็นอันดับ 2 ของบัลแกเรีย รองจากเมืองโซเฟีย Sofia ที่เป็นเมืองหลวง โดยมีประชากร 338,153 คน ประวัติศาสตร์ของเมืองนี้ย้อนไปได้ถึง 6,000 ปี เป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดเมืองหนึ่งในยุโรป เป็นศูนย์กลางการปกครองของจังหวัดพลอฟดิฟ มีความสำคัญด้านเศรษฐกิจ การขนส่ง วัฒนธรรม และการศึกษา
พลอฟดิฟตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศ บนฝั่งแม่น้ำมารีตซา ทางเหนือของทิวเขารอโดพี เมืองนี้เคยตกเป็นของมาซิโดเนียสมัยกษัตริย์ฟิลิปที่ 2 เมื่อ 341 ปีก่อนคริสต์ศักราช ผนวกเข้ากับโรมในพ.ศ.589 (ค.ศ.46) ในสมัยกลางเปลี่ยนผู้ปกครองหลายครั้ง พวกเติร์ก (ชาติพันธุ์หนึ่ง) เข้ายึดครองในปีพ.ศ.1907 (ค.ศ.1364) จนตกเป็นของบัลแกเรียในปีพ.ศ.2398 (ค.ศ.1885)
เราเริ่มต้นเดินเล่นกันที่เขตเมืองเก่า ผ่านเส้นทางที่เป็นถนนคนเดินเส้นหลักของเมือง มีร้านค้าต่างๆมากมาย ทั้งร้านกาแฟ ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก อาคารบ้านเรือนต่างๆยังดูเก่าและคลาสสิกเช่นเคย
จากนั้นก็ออกเดินทางต่อ เส้นทางในวันนี้ ทำให้เจ้ารีโว่ ได้ใช้สมรรถนะหลายอย่าง บางช่วงขรุขระ ช่วงล่างของรถก็ยังนิ่ง ไม่ส่งผลพาดพิงต่อห้องโดยสาร หลังจากนั้นก็ต้องขึ้นเขากันเล็กน้อย และทางเป็นเลนสวน มีทั้งโค้งกว้างและแคบ แต่รถก็ยังหนึบ พวงมาลัยก็ยังแม่นยำในการเข้าโค้งเช่นเคย สร้างความสบายให้กับผู้ขับขี่ และคนนั่งได้อย่างดี
มากันตามทางจนถึงยอดเขา ซึ่งเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์ที่สร้างไว้เพื่อจารึกสำหรับการปลดแอกของประเทศบัลแกเรีย และเราก็แวะทานอาหารกลางวัน พร้อมๆกับชมวิวจากบนยอดเขาแห่งนี้ พอได้นั่งมองดูวิวรอบๆตัวอย่างตั้งใจ ตอนนี้ก็สังเกตเห็นได้ชัดเจนเลยว่าภูมิประเทศได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง ไม่มีความแห้งแล้งให้เห็น ทุกอย่างดูเขียวชอุ่มไปเสียหมด
เมื่อได้เวลาก็ลงมาจากยอดเขาและออกเดินทางต่อไป ถนนยังคงเป็นสองเลน ผ่านธรรมชาติบ้าง ชุมชนบ้างสลับกันไป และหลายๆครั้งเราต้องแซงรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่มีมาเป็นระยะๆ ระบบเกียร์ Sequential ช่วยให้การเร่งแซงเป็นไปอย่างมั่นใจ แล้วก็มาถึงจุดหมายต่อไปที่ยังไม่ใช่ปลายทาง
ที่นี่คือ เมืองเวลิโค ทาร์โนโว Veliko Tarnovo ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำยานตรา Yantra เมืองนี้เปรียบเสมือนเมืองหลวงเก่าของประเทศ เพราะเป็นเมืองที่คอยควบคุมระบบเศรษฐกิจ การศึกษาและวัฒนธรรมกลางของบัลแกเรีย มีสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่อายุประมาณ 5 พันปี เช่น อนุสาวรีย์, ปราสาทซาเรเว็ทส์ Tsarevets, โบสต์เซนต์ปีเตอร์
ในวันที่เราไปนั้น มีการจัดงานดนตรีร็อคของกลุ่มมอเตอร์ ด้านหน้ามีการเปิดเพลงอย่างคึกคัก แต่คนยังไม่เยอะมากนัก เพราะงานจะมีช่วงเย็นๆค่ำๆ เรามีเวลาไม่มาก จึงเดินชมวิวได้อยู่สองสามจุดใกล้ๆกัน จากนั้นมุ่งหน้าสู่เมืองรูเซ
รูเซ เป็นเมืองใหญ่อันดับ 5 ของบัลแกเรีย ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ บนฝั่งขวาของแม่น้ำดานูบ Danube (แม่น้ำที่ยาวที่สุดในสหภาพยุโรป และเป็นอันดับ 2 ของทวีปยุโรป รองจากแม่น้ำวอลกา Volga) ที่สามารถมองเห็นได้จากที่พักเลย โดยตั้งอยู่ตรงข้ามกับเมืองจูร์จู Giurgiu ของประเทศโรมาเนีย Romania และอยู่ห่างจากชายฝั่งทะเลดำ 200 กม.รูเซเป็นเมืองท่าริมฝั่งแม่น้ำที่สำคัญของบัลแกเรีย และมีสถาปัตยกรรมในศตวรรษที่ 19-20 ศิลปะแบบนีโอบาร็อก และนีโอรอโกโก ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยหลายๆคนให้คำนิยามเของเมืองนี้ว่ากรุงเวียนนาน้อย
หลังจากเก็บกระเป๋าเผายาสูบเรียบร้อย ก็ออกเดินสำรวจเมืองที่ถนนคนเดินเส้นหลักกันสักเล็กน้อย อาคารบ้านเรือนนั้นมีเอกลัษณ์พอสมควร ร้านรวงต่างๆไม่ค่อยเปิดกันเท่าไหร่ หรืออาจะปิดไปหมดแล้ว จะมีก็แต่ร้านนั่งกิน นั่งดื่ม ที่ยังเปิด และมีคนมานั่งกันเยอะ คึกคักพอสมควร เนื่องจากวันนี้เป็นวันเสาร์
เดินไปจนสุดทางเราจึงกลับโรงแรมที่อยูใกล้ๆกัน เพื่อพักผ่อน เตรียมพร้อมสำหรับวันต่อๆไป ยังง้าน!!