เรื่องเก่าเล่าใหม่ EP29 : “ปามุคคาเล-อิซเมียร์, ตุรกี”
โดย : โบ๊ท-มหาสมุทร สายสวรรค์
อ่าน เรื่องเก่าเล่าใหม่ EP27 “อาดิยามัน-แคปปาโดเจีย, ตุรกี”
วันที่ 5 กรกฏาคม 2559 : ไฮลักซ์ รีโว่ คาราวาน ทริป บทพิสูจน์จริงระดับโลก ออกเดินทางกันแต่เช้าเช่นเคย พร้อมกับความกระปรี้กระเปร่าของทุกคน เพราะเมื่อคืนมีเวลาพักผ่อนเยอะ แถมวันนี้ไม่ได้ขับรถไกลมากเช่นทุกวัน
หลังอำลาออกจากเมืองปามุคคาเล เส้นทางส่วนใหญ่เป็นถนนสี่เลน หลายๆครั้งก็ผ่านธรรมชาติที่สวยงาม บางทีก็ผ่านชุมชนขนาดย่อม ก่อนจอดรับประทานอาหารเที่ยงระหว่างทางแบบง่ายๆ แล้วจึงออกเดินทางอีกครั้ง วิวสองข้างทางเริ่มเปลี่ยนไป จนเราได้เห็นทะเลสีน้ำเงินฟ้าสวยงาม อยู่ขนาบข้างกับท้องถนน ทะเลดังกล่าวก็คือทะเลอีเจียน Egean Sea ซึ่งอยู่ระหว่างตุรกีกับกรีซ และติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน Mediterranean Sea บางช่วงเป็นทางโค้งก็อาศัยช่วงล่างที่หนึบของรีโว่ช่วยเกาะกับพื้นถนนได้ดี
คาราวานมาตามทางเรื่อยๆ โดยมีเป้าหมายคือเมืองคูซาดาซี Kusadasi ซึ่งเป็นเมืองชายหาด และเป็นที่ตั้งของเมืองโบราณเอเฟซุส Ephesus ซึ่งก็อยู่ในเขตจังหวัดอิซเมียร์ ทางตะวันตกของอนาโตเลีย ในสมัยโรมันนั้นเอเฟซุสเป็นเมืองใหญ่อันดับสอง รองจากโรมที่เป็นเมืองหลวงอยู่นาน
เมืองโบราณเอเฟซุส Ephesus หรือ Efes คือเมืองโบราณของโรมันในอดีต สร้างขึ้นตั้งแต่ก่อนยุคคริสตกาล โดยเติบโตในยุคของกรีก รุ่งเรืองในยุคโรมัน สมัยจักรพรรดิออกุสตุส ซีซาร์ Augustus Caesar ผู้มีชัยเหนือมาร์กุส อันโตนิอุส Marcus Antonius หรือที่รู้จักกันในนาม มาร์ก แอนโทนี Marc Antony ชู้รักของพระนางคลีโอพัตรา Cleopatra และได้สถาปนาให้เป็นเมืองหลวงของเขตการปกครองในเอเซีย เอเฟซุสยิ่งใหญ่และงดงามจนกระทั่งมีการจารึกว่า “มหานครแห่งแรกและยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเซีย”
ที่นี่เป็นเมืองโบราณที่มีการบำรุงรักษาไว้เป็นอย่างดีที่สุดเมืองหนึ่ง ในอดีตเป็นเมืองที่รุ่งเรืองและมั่งคั่งที่สุดในเเถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และรุ่งเรืองถึงขีดสุดอีกครั้งภายใต้การปกครองของโรมัน สิ่งก่อสร้างที่คงเหลือให้ได้ชมในปัจจุบัน ส่วนใหญ่มีอายุนับแต่สมัยจักรพรรดิออกุสตุส ราวศตวรรษที่ 11 เป็นต้นมา ล้วนแต่เป็นศิลปะแบบเฮลเลนนิสติก ที่มีความอ่อนหวาน และฝีมือประณีต ตามอารยธรรมเฮลเลนิสต์ Hellenistic civilization
ชาวคณะไฮลักซ์ รีโว่ คาราวาน ทริป บทพิสูจน์จริงระดับโลก ได้มีโอกาสสัมผัสความยิ่งใหญ่ในอดีต กับร่องรอยแห่งประวัติศาสตร์ที่ยังหลงเหลืออยู่ ทั้งโรงอาบน้ำ โรงละครโบราณที่สามารถจุผู้ชมได้ถึง 25,000 คน หอสมุดเซลซุสที่เหลือเฉพาะด้านหน้า แต่ก็ยังงดงามตามกาลเวลา จุดบูชาเทพเจ้าและอื่นๆอีกมากมาย
เราใช้เวลากันที่นี่ประมาณสองชั่วโมง ก็ได้เวลาออกเดินทาง เส้นทางเป็นถนนสี่เลน จากนั้นก็เข้าสู่ถนนท้องถิ่น Local road ที่เป็นเลนสวนและมีรถเจ้าถิ่นซิ่งกันอยู่พอสมควร ชาวคาราวานรีโว่จึงมีการเร่งเพื่อแซงในบางจังหวะ เป็นการตอกย้ำถึงอัตราเร่งที่ดีของเครื่องยนตร์อีกครั้ง จนเริ่มเห็นบ้านเรือนที่สร้างลดหลั่นกันตามไหล่เขา พอเข้าไปเรื่อยๆก็ได้เห็นความเป็นเมือง นั่นแปลว่า เรามาถึงปลายทางที่เมืองอิซเมียร์
อิซเมียร์ ตั้งอยู่ในภูมิภาคอีเจียน ทางตะวันตกของอนาโตเลีย มีเนื้อที่ 12,012 ตารางกิโลเมตร มีประชากรประมาณ 4 ล้านคน เป็นจังหวัดใหญ่อันดับที่ 3 ของตุรกี รองจากนครอิสตันบูล และกรุงอังการา เป็นจังหวัดที่สำคัญที่สุดของภูมิภาคอีเจียน เป็นเมืองท่าและเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญของตุรกี มีสัดส่วนการส่งออกและนำเข้าเป็นอันดับ 2 ของตุรกี รองจากนครอิสตันบูล มีสถานะเป็นมืองท่าที่สำคัญของตุรกีมาตั้งแต่คริสศตวรรษที่ 3 เป็นเมืองท่าและศูนย์กลางการค้าหลักของจักรวรรดิออตโตมัน
เมื่อเข้ามาถึงตัวเมือง ก็รับรู้ได้ถึงความคึกคัก ความเป็นเมืองที่ทันสมัยที่สุดในหลายๆวันที่เราเดินทางมา บ้านเรือนจำนวนมากถูกสร้างตามไหล่เขาเรียงรายกันอย่างสวยงาม อีกทั้งยังอยู่ติดกับริมอ่าวของทะเล ภายในเมืองก็มีต้นมะพร้าวอยู่เป็นระยะ ให้ความรู้สึกเหมือนเมืองตากอากาศในยุโรป
เมื่อเข้าที่พัก ก็ได้เวลาไปสำรวจเมืองกันเล็กน้อย สถานที่แรกที่ไปคือ ปราสาทคาดิเฟคาเล Kadifekale ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาของเมือง ตรงนี้คือปราสาทเก่า แต่แทบไม่เหลือร่องรอยของความเป็นปราสาทแล้ว เป็นเพียงซากปรักหักพัง มีแนวกำแพงเหลืออยู่บางส่วน แต่ไฮไลท์คือบนนี้จะเห็นวิวของเมืองอิซเมียร์ได้หลายทิศจากมุมสูง เมื่อมองไกลออกไปก็จะเห็นเมืองกับทะเลอยู่เคียงคู่กันอย่างสวยงาม
จากนั้นก็ไปเดินเล่นริมอ่าว ดูวิถีชีวิตของคนท้องถิ่น รวมไปถึงแสงสุดท้ายของวันในเวลาเกือบๆสามทุ่ม เพราะพระอาทิตย์แถบนี้จะตกช้ากว่าบ้านเราในหน้าร้อนของเค้า ก่อนจะปิดท้ายวันเบาๆ ที่จตุรัสโคนัค Konak Square ซึ่งเป็นจตุรัสหลัก โดยมีหอนาฬิกาหินอ่อนประจำเมืองตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางจตุรัส แล้วจึงกลับที่พัก เพื่อเตรียมตัวมุ่งหน้าสู่เมืองอิสตันบูล Istanbul ในวันถัดไป