เรื่องเก่าเล่าใหม่ EP2
โดย : ฉัตรมงคล ดวงฤทธิ์
(กรุงเทพฯ-เวนิส : 3 มิถุนายน-17 กรกฎาคม 2559) ตอนที่ 2 สิบสองปันนา-ตงชวน-ยีบิน (700+780 กม.)
วันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ.2559 มาพบกับฉัตรมงคล ในตอนที่ 2 ของ ไฮลักซ์ รีโว่ คาราวาน ทริป บทพิสูจน์จริงระดับโลก..ตอนที่แล้ว เราเดินทางจากกรุงเทพฯ ผ่านลาว ต่อเนื่องมาถึงจีน จบวันที่สองของการเดินทางที่สิบสองปันนา นอนหลับอย่างสบายไปหลายเติบ สำหรับการเดินทางในวันที่สาม ออกจากสิบสองปันนา ไปยังเมืองตงชวน ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของคุนหมิง ระยะทางทั้งสิ้น 700 กม.ไม่ยากเกินฟอร์มของชาวคณะวิจารณ์บันเทิง
ในวันนี้ กว่า 80% เป็นทางด่วนยกระดับ ที่ต้องผ่านยอดเขาและสะพานสูงมากมาย หนึ่งในนั้น คือ สะพานหงเหอ ซึ่งเป็นสปอนเซอร์ก่อสร้างโดยบุหรี่หงเหอ ที่มียอดขายสูงสุดในจีน เคยลองอุดหนุนแล้ว ซองละ 10 หยวน ก็พอดูดได้ ส่วนสะพานนั้นทอดผ่านแม่น้ำหงเหอ หรือแม่น้ำแดง ที่มีต้นกำเนิดจากธิเบต ผ่านมณฑลยูนนาน แล้วมันไหลมาถึงฮานอยของเวียดนามนั่นแหละ สะพานนี้สูง 160 เมตร ยาว 801 เมตร คนจีนเก่งจริงในการสร้างถนนเพื่อให้รับกับสภาพภูมิประเทศ ทั้งการเจาะอุโมงค์ และการสร้างเสาสะพานสูงคอตั้งบ่า เพื่อลดความต่างของระดับถนน รวมถึงลดความคดเคี้ยวที่ต้องตัดผ่านภูเขามากมาย ช่วยให้การสัญจรของชาวท้องถิ่นที่นี่ ทำได้โดยสะดวกมากขึ้น..แม้วันนี้ต้องเดินทางไกลถึง 700 กม.แต่ชาวคณะเข้าที่พักได้ก่อนเวลา 20.30 น.เนียนผ่องเลยเชียว
วันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ.2559 เข้าสู่วันที่สี่ของคาราวาน เราทานอาหารเช้าที่โรงแรม แล้วไปแอ่นอกกระดกก้นชมวิวที่ Red land หรือ แผ่นดินสีแดง ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองตงชวนไม่ไกล เป็นหมู่เนินเขาที่มีแร่ธาตุซึ่งทำให้ดินเป็นสีแดงสวยงามแปลกตา และเป็นธาตุในดินที่เหมาะแก่การเพาะปลูกพืชผักนานาพันธุ์
จุดชมวิวยอดฮิตอยู่บนความสูงกว่า 1,900 เมตร ทางขึ้นเป็นลูกรังบ้าง คอนกรีตบ้าง ถนนสองเลนสวนค่อนข้างแคบ ทั้งนี้บริเวณแผ่นดินสีแดงอันไพศาลนี้ ยังมีจุดชมวิวอยู่อีกหลายแห่ง เป็นอาณาเขตที่นักท่องเที่ยวสามารถถ่ายรูปได้มุมสวยๆ มีทัศนียภาพของทุ่งเกษตรที่ดูงดงาม ทั้งแบบราบ และแบบขั้นบันไดลดหลั่นกันไปตามที่ภูมิประเทศบังคับ ส่วนพืชพรรณต่างๆก็ช่วยสร้างทุ่งสีเขียว เหลืองทอง และแดง สลับซ้อนกันไปให้เป็นที่เพลินสายตาได้
เส้นทางต่อไปส่วนใหญ่เป็นขาลง มีแคบ มีโค้ง และลาดชันเป็นระยะ แต่รีโว่ก็มีระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชันอยู่ด้วย หรือที่เรียกว่า DAC (Downhill Assist Control) ช่วยควบคุมแรงดันเบรกที่ล้ออัตโนมัติ ทำให้การขับขี่ง่ายขึ้น
มื้อเที่ยงของวันนี้ เป็นร้านอาหารที่มีบ่อเลี้ยงปลาแซลมอนอยู่ด้านหลัง เจ้ามือจึงสั่งแซลมอนจีนสดๆ จากบ่อมาทำ แซลม่อนนึ่งซีอิ๊ว และอื่นๆ ทำให้เป็นมื้ออาหารที่ได้คุณค่าจากโอเมก้า 3 มาเต็มๆ
ชาวบ้านย่านนี้ยังคงความเป็นท้องถิ่นดั้งเดิม มีตลาดแบบบ้านๆ มีรถม้าวิ่ง ชาวบ้านเดินแกว่งขวักไขว่ไปมา และมีรถยนต์วิ่งสวนมาด้วยความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ถ้ากูหลบไม่ทัน มึงช่วยหลบด้วย ก็เป็นอย่างนี้อยู่พักใหญ่ ผ่านถนนลูกรัง ขรุขระ หลุมบ่อ ก่อนเข้าเส้นทางปกติ
เมื่อเข้าสู่ทางด่วนระดับมัธยม สองเลนสวน แต่กว้างขึ้นมาอีกสเต็ป และตัดผ่านขุนเขาอีกครั้ง การขับรถเบรกๆหยุดๆในแบบฉบับของเจ้าถิ่นก็ยังคงมีอยู่ เหมือนเราขับรถในประเทศไทยเอง หลายครั้งก็รำคาญ เช่น คนสุพรรณเขาขับรถแบบนี้เหรอวะ? ซึ่งแท้ที่จริงเราต่างหากที่เป็นตัวแปลกในบ้านเขา ส่วนเขาเองก็ขับอย่างนี้มาตั้งแต่บรรพกาล หลิ่วตาตามเขาไปทั้งเบรกทั้งหักหลบนั่นแหละ จนกระทั่งเข้ามาสู่ทางด่วนใหญ่ระดับมหาลัย เพื่อจะไปเมืองเฉิงตูซึ่งเป็นเป้าหมายวันนี้
เฉิงตูเป็นเมืองศูนย์กลางการทหาร การเมือง และการศึกษา ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน และเป็นเมืองเอกของมณฑลเสฉวน ตั้งอยู่ใจกลางมณฑลบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำหมิน ในยุคสมัยของจิ๋นซีฮ่องเต้ เมื่อราว 2,000 ปีก่อน แม่น้ำหมินก็คอยจ้องแต่จะท่วมเมืองเฉิงตู ท่านจิ๋นซีฮ่องเต้จึงจัดระบบชลประทาน ผ่องถ่ายน้ำไปทางโน้นบ้าง ทางนี้บ้าง แก้ปัญหาน้ำท่วม และสามารถนำน้ำไปใช้ประโยชน์ในการเพาะปลูกอย่างทั่วถึง ประชาชนดั้งเดิมก็อยู่ดีกินดี ข่าวรั่วไปเข้าหูชาวบ้านร้านถิ่นอื่นๆ ต่างก็หลั่งไหลอพยพเข้ามาปักหลักทำกิน ทำให้เฉิงตูค่อยๆกลายเป็นเมืองที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งตรงกับความหมายของเฉิงตู (ค่อยๆโต) จนปัจจุบันมีประชากรถึง 10 ล้านคน ซึ่งมากเป็นอันดับ 3 ของจีน และน่าจะสูสีกับกรุงเทพฯ ที่ปัจจุบันมีอยู่ 5.7 ล้าน บวกคนไทยพลัดถิ่นจากเหนือ-ใต้-อิสาน เข้าไปอีกก็คงแถวๆ 10 ล้านแหงๆ
ขับรีโว่ตามกันไปเรื่อยๆ โดยมีปั๊มน้ำมันเป็นศาลาพัก และวันนี้ก่อนเข้าถึงเมืองเต้าถง (ระหว่างทางไปเฉิงตู) เกิดมีหินถล่มลงมาปิดถนน ตำรวจต้องตัดการจราจร ซึ่งชาวคณะเราก็โดนด้วย รถติดยาวไกลลิบๆโน่นเลย ผ่านไปกว่าชั่วโมงจึงเคลียร์หินใหญ่ออกจากทางได้สำเร็จ
ขับเพลิดเพลินเจริญใจผ่านเมืองเต้าถงมา ด้วยเวลาที่ล่าช้าไปมากโข ต้องแวะหาทานข้าวมื้อเที่ยง ก่อนจะไปเสี่ยงเอาดาบหน้าบนหนทางอีกยาวไกล ซึ่งก็มีข่าวดีดังคาด เพราะเส้นทางที่จะไปเมืองเฉิงตูมีการปิดถนนอีกแล้ว ต้องอ้อมไปใช้เส้นทางอื่น และใช้เวลานานขึ้นอีก 2 ชั่วโมง จากเดิมจะต้องวิ่ง 200 กม.ก็กลายเป็น 400 กม.ในบัดดลนั่นแล
ตอนแรกก็นึกว่าจะมีแถมมาแค่ 200 กม.จิ๊บๆ แต่พอออกเดินทางได้ไม่นานก็ประสบกับอุปสรรคการขับขี่อีกครั้ง ด้วยฝนและลูกเห็บตกลงมาอย่างหนัก ต้องลดความเร็วให้อยู่ในโซนปลอดภัย ถนนก็ค่อนข้างลื่นอีกต่างหาก แผนการเดินทางยิ่งล่าช้าไปมาก ทำให้เราต้องปรับเปลี่ยนแผนย้ายจุดโจมตีใหม่ ไปพักที่เมืองยีบิน ปรับแผนหาโรงแรมกันหน้างานเลยทีเดียว เมืองยีบินนี้อยู่ในเขตติดต่อระหว่างมลฑลยูนนานและมลฑลเสฉวน นอนกันตรงชายแดนของสองมณฑลเนี่ยหละครับ รวมระยะทางทั้งสิ้นในวันนี้ 780 กม.นับเป็นวันทรหดสำหรับคาราวาน