เรื่องเก่าเล่าใหม่ EP12
โดย : ก้องเกียรติ ศรีทับทิม
อ่าน เรื่องเก่าเล่าใหม่ EP11 “คัชการ์-ซารีทัช (ข้ามชายแดนจากจีนไปคีร์กีซสถาน)”
วันที่ 17 มิถุนายน 2559 : หลังจากที่นอนหลับๆตื่นๆมาทั้งคืน เช้ารุ่งขึ้นก็ลุกมาช่วงตี 5 เศษ แต่แถวบ้านย่านนี้แดดออกเต็มฟ้าแล้ว ผมงัวเงียมาหากาแฟดื่มที่ท้ายรถเสบียง เรียกความอบอุ่นกันหน่อย ก่อนจะคว้ากล้องถ่ายรูปไปเดินตามหมู่บ้านซารีทัช ถ่ายภาพชีวิตผู้คน ซึ่งก็เป็นเกษตรกรที่เลี้ยงวัว เลี้ยงแพะ กำลังต้อนออกจากคอก ให้ไปหากินหญ้าตามชายเขาที่อยู่ด้านหลังหมู่บ้าน
พอกลับมาที่บ้านพัก ก็ได้เวลาอาหารเช้าที่เจ้าของบ้านเตรียมไว้ให้ เป็นข้าวที่ต้มกับนม เคี่ยวกันตั้งแต่เมื่อเย็นวาน แต่ผมเป็นคนที่ไม่กินนม ก็เลยรองท้องแค่ปาท่องโก๋กับซาลาเปาทอดและน้ำชาอุ่นๆเท่านั้นพอ ไม่อยากทานมากด้วยเดี่ยวช้าศึกจะบุกประตูวัง อากาศดีกำลังเย็นสบายและแดดอ่อน มองไปฝั่งตรงข้ามเป็นวิวที่มีหุบเขา หญ้าโดนแดดกำลังสวย ก็เลยขึ้นรถตามพรรคพวกไปถ่ายภาพขบวนรถรีโว่ที่วิ่งผ่านไปตามเนินเขา ก่อนจะกลับมาเก็บสัมภาระข้าวของขึ้นรถ แล้วอำลาเจ้าของบ้าน เดินทางกันต่อมุ่งหน้าเข้าเมืองออช
แม้เส้นทางจะเป็นถนนสองเลนสวน แต่ทุกคนก็ตื่นตากับบรรยากาศสองข้างทางที่เป็นภูเขาหญ้า และบางยอดเขาก็จะเห็นหิมะปกคลุมอยู่บนยอด ทำให้การเดินทางวันนี้ดูสบายๆไม่เคร่งเครียด แต่มีบางช่วงก็สร้างความตื่นเต้นเมื่อขับรถไปเจอฝูงม้า ฝูงวัว และแพะ เดินอยู่เต็มถนน วุ่นวายกันพอสมควรกว่าคนเลี้ยงจะต้อนให้หลบไปเดินอยู่อีกฟากถนนหนึ่ง แล้วให้ขบวนของเราผ่านไปได้ ขบวนรถวิ่งผ่านหุบเขาลงมาเรื่อยๆ ก่อนจะเข้าสู่เมืองออช ก็มาเจอกับกลุ่มชนเร่ร่อน มีเกอร์หรือกระโจม และใช้ตู้คอนเทนเนอร์อาศัยอยู่ข้างลำธารเล็กๆ เห็นวิวแบบนี้พวกเราก็จอดรถพักกันเลย ทานกาแฟพร้อมเสพภาพสวยงาม ที่แตกต่างจากเมืองไทย
เมื่อเด็กพื้นเมืองเห็นพวกเราจอดรถถ่ายภาพ ก็แห่ปีนเขาขึ้นมาตรงที่พวกเราอยู่ มาดูว่าพวกเรานั้นทำอะไรกันเหรอ เมื่อทีมงานนำโดรนขึ้นบินถ่ายภาพ พวกเด็กๆก็มองตามวิ่งตามกันเลยเพราะไม่เคยเห็น ก่อนจากจุดนี้ก็ได้แบ่งปันขนมที่มีให้เด็กได้ทานกัน รู้สึกดีที่เห็นรอยยิ้มของเด็กๆที่เหมือนกันทั่วโลก
ใกล้ตัวเมืองออชมากขึ้น ความเจริญก็มีมากขึ้น ถนนจากสองเลนก็เป็นสี่เลน เจอกับต้นไม้ที่มีมากขึ้น เห็นชาวบ้านไปทำไร่กัน เจอปั๊มน้ำมัน บ้านเรือนก็ปลูกติดกันแถวข้างถนน เที่ยงกว่าๆคณะเราก็มาถึงเมืองออช ได้เจอกับสภาพรถยนต์วิ่งกันขวักไขว่ทั้งรถเล็กและรถใหญ่แบบบรรทุก ดูแล้วก็เหมือนเมืองใหญ่เมืองหนึ่งของไทยเนี่ยแหละ แต่การจราจรยังไม่หนาแน่น ชาวเรายังไม่เข้าโรงแรมที่พัก แต่ไปอีกโรงแรมหนึ่ง เพื่อทานอาหารกลางวัน
มื้อเที่ยงวันนี้ ทางโรงแรมจัดเป็นเซ็ทให้ โดยมีขนมปังเนย ผลไม้ก็เป็นองุ่นและลูกท้อสดวางไว้อยู่แล้วบนโต๊ะ จากนั้นเริ่มเสิร์ฟด้วยสลัดผัก ตามด้วยซุปแต่ที่นี่ซุปเขาใส่เส้นให้ด้วย ดูไปก็คล้ายกับบะหมี่ แล้วตามมาด้วยข้าวหน้าไก่ปิดท้ายเซ็ทอาหารกลางวัน
อิ่มกันแล้วก็เดินทางเข้าโรงแรมที่พัก นอนหนุบหนับสักคนละงีบ แล้วลงมาเจอกันที่ล็อบบี้ ในภารกิจตระเวนเมืองออช โดยใช้รถบัสท้องถิ่นเพื่อความสะดวกในการหาที่จอดรถ จุดหมายแรกของบ่ายวันนี้ คือตลาดบาร์ซา คำว่า “บาร์ซา” เป็นภาษาเปอร์เซียนะครับ ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ พอรถบัสมาจอดส่งบริเวณสี่แยกไฟแดงเขียว ใกล้กับตลาด ผมเดินข้ามฝั่งไปเจอร้านตัดผม ดูราคาแล้วเทียบค่ากับเงินไทยก็น่าจะตัดร้านนี้นะ ราคาไม่ถึงสิบบาท
จากนั้นขึ้นสะพานข้ามฝั่งไปทางเข้าตลาด เดาในใจว่าต้องเป็นร้านคล้ายตลาดนัดบ้านเราที่ขายเสื้อผ้าเป็นส่วนใหญ่ พอเดินเข้าไปก็เจอกับร้านขายเครื่องประดับ แว่นตา รองเท้า และเครื่องเดินป่า ดูแล้วก็นึกถึงสำเพ็งหรือพาหุรัดนี่เอง นอกจากนี้ก็มีมาเฟียพื้นที่ เป็นรถขายแตงโม เข็นฝ่าดงผู้คนที่เดินเข้ามาเลย พวกเราต้องหลบกันตัวลีบเลย ชักตีนหลบไม่ทันคงโดนล้อเหยียบตีนแน่ๆ
พอเดินทะลุแผงร้านขายเสื้อผ้าเครื่องประดับ ก็เป็นแผงขายพืชผักผลไม้และเครื่องเทศ ผู้คนที่นี่เขาน่าจะชอบมะเขือเทศ เพราะเห็นมีขายอยู่มากมายหลายร้าน เขากินกันแบบเป็นผลไม้ มันฝรั่งก็น่าจะเป็นอาหารหลักอีกอย่าง และแตงโมที่ขนมาขายเป็นรถบรรทุกเลย แล้วก็มาเจอเชอร์รี่ลูกใหญ่ จึงอุดหนุนไปถุงใหญ่ เพราะบวกลบราคาแล้วถูกกว่าบ้านเราเยอะเลย
ออกจากตลาดบาร์ซา ก็มาเที่ยวเมืองเก่าที่อยู่บนภูเขา ซึ่งขึ้นไปก็สามารถชมเมืองออชได้ทั้งเมือง งานนี้คณะคนแก่ขอบายหลายท่าน เพราะรู้ตัวว่าถ้าขึ้นไป ขากลับลงมาคงแย่กว่าเดิมแน่เลย จึงขออาสาเฝ้าอยู่ตรงทางลงเขา นั่งเหงาเหงือกอยู่เกือบชั่วโมง พรรคพวกที่ขึ้นไปก็ทยอยกันเดินลงมา แต่ละคนสีหน้าบ่งบอกเลยว่าเหนื่อยมาก
ออกจากเมืองเก่า ทางไกด์ท้องถิ่นได้พาไปสวนสาธารณะของเมืองที่กำลังจัดงานอยู่ด้วย แต่เดินเล่นกันไม่นานทุกคนต่างก็เผ่นมาขึ้นรถบัส เพราะฝนดันตกลงมาเลยทำให้งานนี้กร่อย จึงสรุปว่า เราไปที่ร้านอาหารค่ำกันเลย แม้จะไปก่อนเวลาที่นัดไว้
ร้านอาหารค่ำนี้ น่าจะเป็นร้านขึ้นชื่อของเมือง เพราะลูกค้าหนาแน่นมาก ถ้าไม่จองไว้ก่อนคณะเราคงไม่ได้ที่นั่งแน่ สำหรับเมนูของที่ร้านก็เป็นเซ็ทเนื้อกระทะร้อน โดยมีกล้วยหอม แอปเปิ้ล สาลี่ เป็นผลไม้วางเสิร์ฟ พร้อมขนมปังก้อนกลมๆ ที่ขึ้นชื่อเรื่องความแข็ง ซึ่งพวกเราเจอกันตั้งแต่เมืองจีน พอทานกันจนอิ่มก็กลับโรงแรมที่พักล่ะครับ เพราะต้องรีบนอนรีบตื่น พรุ่งนี้ต้องไปผจญภัยที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองคีร์กีซสถาน กับอุซเบกิสถาน ไม่รู้ว่าจะนานอีกมั้ย? เหมือนตอนมาสมัยคาราวานวีโก้เมื่อ 9 ปีที่แล้ว ที่กว่าจะได้ออกก็ตอน 6 โมงเย็น