โดย : ฉัตรมงคล ดวงฤทธิ์
(กรุงเทพฯ-เวนิส : 3 มิถุนายน-17 กรกฎาคม 2559)
ตอนที่ 3 : ยีบิน-เทียนสุ่ย-ซีหนิง (900+540 กม.)
วันที่ 7 มิถุนายน 2559 : ตื่นมาเช้านี้ก็เป็นวันที่ห้าของการร่วมเดินทาง ที่ลงตารางไว้ให้เปลี่ยนเวรไม้ผลัดหลายทีม ระหว่างวันที่ 3 มิถุนายน-17 กรกฎาคม 2559 รวมเบ็ดเสร็จ 45 วัน ส่วนของกระผมก็นับเป็นตอนที่ 3 จากตอนที่แล้ว เราเดินทางกันโหดหน่อย เจอทั้งสภาพอากาศที่แย่ ทางปิด ดินสไลด์ ลูกเห็บตก จนต้องเปลี่ยนที่หมายในการเข้าพักจากเมืองเฉิงตู มาเป็นเมืองยีบิน เขตติดต่อระหว่างมณฑลยูนนานกับมณฑลเสฉวน
วันนี้ต้องทำเวลาตีตื้น เพื่อชดเชยของเมื่อวานที่เสียรังวัดไป ส่งผลให้ต้องวิ่งไกลขึ้น จากเดิม เฉิงตู-เทียนสุ่ย ระยะทาง 690 กม.กลายเป็นยีบิน-เทียนสุ่ย ต้องวิ่งกันประมาณ 900 กม.เส้นทางวันนี้ผู้สันทัดกรณีแจ้งว่า ส่วนใหญ่ยังคงเป็นไฮไวย์ที่สามารถทำความเร็วได้ ไล่มาตั้งแต่ทางด่วนหมายเลข G85 มุ่งหน้าสู่ S11, G93, G75 ก่อนเข้าสู่ทางด่วนหมายเลข G7011 ซึ่งเป็นเส้นทางที่นำไปสู่จุดหมายยังเมืองเทียนสุ่ย เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองแห่งมลฑลกานซู สภาพแวดล้อมสองข้างทางที่วิ่งผ่าน โดยมากจะเป็นที่ราบสูงและทุ่งหญ้า มีเขาชัน ส่วนต้นไม้ใหญ่ๆมีน้อยลง
เรื่องนี้ต้องขออนุญาตเหลาให้แหลมสักนิด คือมณฑลกานซูเนี่ยแห้งแล้งปานอิสานเขียวของพ่อใหญ่จิ๋วแห่งพรรคหวังใหม่นั่นแหละ กานซูเต็มไปด้วยแผ่นดินสีเหลือง ทะเลกรวด ทะเลทราย แต่ทะลึ่งมีเมืองเทียนสุ่ยที่อากาศและพื้นที่ชุ่มเย็น การเกษตรกรรมอุดมสมบูรณ์พูนผล เป็นเมืองสายน้ำแห่งฟากฟ้าของมณฑลกานซู ภาษายุทธภพเรียกว่า “เสี่ยวเจียงหนานแห่งกานซู” นั่นไงหละ ไปกันใหญ่เลยทีนี้ คือเขาเปรียบเทียบกับพื้นที่ “เจียงหนาน” ทางตอนล่างของแม่น้ำแยงซี แม่น้ำซึ่งกินพื้นที่มณฑลโน่นนี่นั่นหลายแห่ง เหมือนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ หรือเหมือนเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤๅใน แบบนี้นะครับ แยงซียาวไปจนครอบคลุมมหานครเซียงไฮ้ และพื้นที่ทางตอนใต้สามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี หรือ แยงซีเกียง สรุปแล้วคือ เจียงหนานเป็นอู่ข้าวอู่น้ำที่อุดมสมบูรณ์ จนกลายเป็นลูกพี่ใหญ่ของเทียนสุ่ย หรือ เสี่ยวเจียงหนาน นั่นเอง
คณะเราได้เพิ่มความเร็วอีกพอควร เพื่อให้ถึงจุดหมายในเวลาที่ไม่ดึกเกินไป ความเร็วเฉลี่ยขำๆก็ประมาณ 120 กม./ชม.ซึ่งก็มีช่วงที่ต้องสร้างความเร็วในการเร่งแซง และมีบ่อยซะด้วย จึงเลือกใช้ Power Mode และระบบส่งกำลัง Sport Mode เพื่อให้ตอบสนองได้รวดเร็ว เป็นความโดดเด่นที่เร้าใจได้สมน้ำสมเนื้อ
ประเทศจีนมีความหลากหลายทางภูมิศาสตร์และทุกๆด้านอย่างแท้จริง ในวันที่ผ่านๆมา ได้เจอกับ ป่าทึบบนภูเขาสูง หุบเขา ทุ่งหญ้าที่ราบสูง สำหรับวันนี้แม้ว่าหลักๆของภูมิประเทศยังคงเป็นภูเขา แต่กลายเป็นเขาหินและทราย สลับทุ่งโล่ง บางช่วงจึงเกิดสายฟ้าฟาดบนเรือนไมล์ ความเร็วชี้ขึ้นไปเกือบ 180 กม./ชม.ถึงเมืองเทียนสุ่ย มีเหนื่อยล้าบ้างกับการเดินทางไกล 900 กม.
วันที่ 8 มิถุนายน 2559 : เช้านี้เป็นวันที่หกของการเดินทาง วันนี้คาราวานดุ๊ยดุ่ยลมโชยเกศากันเวลา 9 โมงเช้า จุดหมายปลายทางคือ เมืองซีหนิง มณฑลชิงไห่ ระยะทางรวม 540 กม.กล่าวสำหรับซีหนิง ก็เป็นเมืองเอกหรือเมืองหลวงของมณฑลชิงไห่ และเป็นต้นทางรถไฟสาย “ชิงไห่-ธิเบต” ขณะที่ชิงไห่ก็แปลว่าทะเลสีเขียว ซึ่งเป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่ใหญ่ที่สุดในจีน บางคนก็เรียกทะเลสาบชิง นอกจากนี้ชิงไห่ยังเป็นที่ราบสูงผู้ให้กำเนิดแก่แม่น้ำฮวงโห หรือแม่น้ำเหลือง แม่น้ำแยงซี และแม่น้ำโขง ทำเลของดินแดนแห่งนี้อยู่ทางเหนือธิเบต จ่อเข้าเขตทะเลทรายโกบีและอยู่ในเส้นทางสายไหม เพียงแต่ยังมีเหนือสุดกว่านี้คือมณฑลซินเจียงอุยกูร์ ซึ่งสุดชายแดนจีนทางตะวันตกเฉียงเหนือ และผู้คนส่วนใหญ่เป็นมุสลิมนั่นเอง
เมื่อออกจากต้นทางเขตเมืองเทียนสุ่ย ภูมิประเทศเริ่มเปลี่ยนเป็นทุ่งโล่ง สลับภูเขาสูง สองข้างทางเริ่มเห็นชาวจีนเชื้อสายอุยกูร์ ที่เป็นคนท้องถิ่นในบริเวณนั้น เส้นทางดูเหมือนจะตรงอย่างเดียวไปบนไฮเวย์ จึงมีโอกาสได้ใช้ระบบ Cruise Control หรือระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ เพื่อรักษาความเร็วให้คงที่ หรือเร่งด้วยนิ้ว โดยไม่ต้องเหยียบคันเร่ง วันนี้ได้แวะพักทานอาหารกลางวันที่เมืองหลานโจว ซึ่งเป็นร้านอาหารคุณภาพดี อร่อยถูกปากชาวคณะทุกคน แถมยังได้น้ำพริกคุณแม่ยายของพี่เผือก (ในทีมเซอร์วิส) มาช่วยด้วยอีกแรง เพลินลิ้นเชียวครับ ส่วนบรรยากาศที่หลานโจวก็น่าจะเย็นฉ่ำปีละนานหลายเดือนนะครับ ทั้งความหนาวและฝนปรอยอ้อยอิ่ง ทำเลของนางตั้งคร่อมอยู่บนฝั่งแม่น้ำฮวงโฮ ประมาณเมืองอกแตกพิษณุโลกบ้านเรา
ทิวทัศน์สองฝั่งยังคงความงดงามของที่ราบสูง บางช่วงเห็นรถไฟความเร็วสูงวิ่งผ่าน แสดงให้เห็นถึงความเจริญที่เริ่มเข้ามาสู่เส้นทางสายไหมทดแทนอูฐ การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น มีพักถ่ายภาพเป็นระยะๆ ช่วงบ่ายวันนี้มีรถยนต์ค่อนข้างเยอะ ทำให้ต้องเร่งแซงอยู่บ่อยๆ ซึ่งในขบวนคาราวานได้แนะนำให้ปรับไปใช้ Power Mode เพื่อให้อัตราเร่งเหมาะสมกับสภาพจราจรยิ่งขึ้น
ช่วงพระอาทิตย์ตกดิน คาราวานได้ออกจากทางด่วน เพื่อเข้าสู่เมืองซีหนิง เมืองหลวงของมณฑลชิงไห่ ที่มีพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในส่วนของหลังคาโลก หรือที่เรียกกันว่าที่ราบสูงชิงไห่-ธิเบต อยู่เหนือระดับน้ำทะเล 1,650-6,860 เมตร พื้นที่เป็นเขาสูง ทะเลสาบ ทุ่งหญ้า และทะเลทราย ส่วนซีหนิงยังมีอีกชื่อหนึ่งว่า “จงกั๋วเชี่ยตู” หรือ เมืองฤดูร้อนแห่งจีน เพราะสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางถึง 2,291 เมตร มีสภาพอากาศแบบกึ่งแห้งแล้ง ฤดูหนาวไม่หนาวมาก ฤดูร้อนไม่อบอ้าว อากาศดีตลอดทั้งปี เป็นเมืองบนเส้นทางสายไหมสายใต้ (สูงขึ้นไปยังมีสายเหนือ) ที่อายุเก่าแก่ราว 2,100 ปี และเป็นเส้นทางเชื่อมดินแดนจีนสมัยราชวงศ์ถัง กับดินแดนถู่ปอ หรือ ธิเบตในปัจจุบัน
จบวันที่หก กับการเดินทางของ ไฮลักซ์ รีโว่ คาราวานทริป บทพิสูจน์จริงระดับโลก วันนี้เราเดินทางกันแบบสบายๆ ไม่รีบ ไม่เร่งเข้าที่พัก เดินเที่ยวในเมืองดูสาวเพลินใจ ก่อนเข้านอน เพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการเดินทางในวันรุ่งขึ้น..โปรดติดตามตอนต่อไป