เรื่องเก่าเล่าใหม่ EP24 : “ทาบริซ, อิหร่าน-ดอกูบายาซิต, ตุรกี”
โดย : โบ๊ท-มหาสมุทร สายสวรรค์
จากชายแดนอิหร่านเข้าตุรกี ทุกอย่างง่ายผิดเบอร์ เป๊ะๆไม่มากเรื่อง แบบนี้น่าขับรถไปเที่ยวอีกกระทอกนึง ระหว่างนี้เขาถือศิลอด ร้านรวงไม่ค่อยคึกกลางวัน แต่จะไปสดใสช่วงค่ำ มีคนออกมาชมตลาดและหาของกิน สาวๆผิวใสดี หน้าคมแบบชาวสลาฟ นะครับ ตามมาๆ
รณชิต เฉลิมชาติ เด็กสร้างของพ่อไกรสิงห์และแม่บุญเรือง
อ่าน เรื่องเก่าเล่าใหม่ EP23 “เตหะราน-ทาบริซ, อิหร่าน”
วันที่ 30 มิถุนยา 2559 : ซึ่งเป็นวันที่ 28 ของการเดินทาง นับจากเมืองทาบริซ Tabriz ห่างออกไปประมาณ 290 กิโลเมตร คือชายแดนของอิหร่าน และอีกประเทศที่เรากำลังจะข้ามไป
เมื่อไม่กี่คืนก่อนหน้านี้ เพิ่งมีเหตุการณ์ที่น่าสลดใจเกิดขึ้นกับประเทศดังกล่าว ในสนามบินอาตาเติร์กแอร์พอร์ต นครอิสตันบูล นั่นคือประเทศตุรกี ทั้งนี้ขอไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตทุกคนด้วย






ไฮลักซ์ รีโว่ คาราวาน ทริป บทพิสูจน์จริงระดับโลก กำลังจะเคลื่อนพลออกจากอิหร่าน แล้วมุ่งหน้าเข้าตุรกี เราออกตัวกันเวลา 8 โมงเช้า เร่งเครื่องเบาๆ ออกจากเมือง ผ่านธงชาติอิหร่านที่โบกสะบัดอยู่ข้างทาง อีกไม่นาน มันจะเปลี่ยนเป็นธงชาติสีแดงของประเทศตุรกี ที่ผ่านมาการข้ามแดนแต่ละครั้ง มีสถานการณ์ที่ควบคุมไม่ได้เกิดขึ้นเสมอ ครั้งนี้เราก็ไม่มีทางรู้ได้เลย ว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง
สองข้างทางยังคงไว้ซึ่งความงดงามในรูปแบบที่คุ้นเคย เช่นเดียวกับเมื่อวานนี้ จนกระทั่งมาถึงบริเวณชายแดน ซึ่งมีรถบรรทุกลากตู้คอนเทนเนอร์ ต่อแถวยาวเหยียดเข้าคิวกันอยู่ แต่เป็นคนละแถวกับคาราวานของเรา






ขาออกประเทศอิหร่าน ทุกอย่างผ่านไปได้อย่างง่ายดายกว่าที่คิด ทั้งคน ทั้งรถ ใช้เวลาไม่นาน จากนั้นออกประตูมา ก้าวขาไปอีกสองก้าว สองเท้าของเรา สี่ล้อของรถ ก็ได้มาอยู่ในฝั่งของประเทศตุรกีเป็นที่เรียบร้อย
ได้เวลาแยกทางกันไปทำเรื่อง ในส่วนของคนก็เข้าคิวตรวจพาสสปอร์ต ประทับตรา แสกนกระเป๋า..แล้วก็ผ่านน!! เห้ยย..ง่ายอะไรเบอร์นั้น ไม่มีการรื้อค้นสิ่งของเหมือนประเทศที่ผ่านมา สาเหตุนึงก็คงพาสสปอร์ตไทยไม่ต้องขอวีซ่า แถมเจ้าหน้าที่แถวๆนั้นก็ชอบประเทศไทย เลยเข้ามาคุยด้วยเสียยกใหญ่ ซึ่งเดิมทีเราคาดว่ารถจะต้องรอนานมาก เช่นเดียวกับที่อื่นๆ แต่ผิดคาด เพราะเจ้ารีโว่ก็ผ่านด่านการตรวจเร็วกว่าที่คิด พอออกมาก็ได้เห็นเทือกเขาอารารัต Ararat มาหายใจรดต้นคอ รออยู่เบื้องหน้าทันที เขาแห่งนี้มีความสูงถึง 5,137 เมตร และมีหิมะปกคลุมตลอดปี หน้าตารูปทรงองเอว ดูแล้วคล้ายๆภูเขาไฟฟูจิเหมือนกัน






เอาล่ะ เมื่อคนพร้อม รถพร้อม แล้วจะรออะไร ออกเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวประจำวันกันเลย โดยเราจะไปจุดชม “เรือโนอาห์” กันก่อน ซึ่งต้องขับรถขึ้นเขากันพอสมควร พอขึ้นไปถึงก็จะเห็นร่องรอย ที่เชื่อกันว่านี่คือร่องรอยของเรือโนอาห์ในตำนาน ซึ่งเป็นเรือขนาดใหญ่ที่กล่าวถึงในคัมภีร์ไบเบิลของชาวยิว รวมไปถึงคัมภีร์อัลกุราอ่าน ของชาวมุสลิม โดยเล่ากันว่าพระผู้เป็นเจ้าของชาวยิวได้ช่วยเหลือโนอาห์ กับสมาชิกในครอบครัว 7 คนและสัตว์ชนิดต่างๆ อย่างละหนึ่งคู่ จากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ที่คร่าชีวิตคนไปหมดโลก โดยบอกให้โนอาห์ต่อเรือยาวขนาด 137 เมตร และนำทุกคนกับสัตว์ต่างๆ ไว้บนนั้น เมื่อเกิดเหตุการณ์ เรือโนอาห์ก็ลอยอยู่บนผืนน้ำเป็นเวลา 6 เดือน เมื่อน้ำลด เรือก็ลอยมาติดที่เทือกเขาแห่งนี้ และทุกคนก็ปลอดภัย จริงๆเรื่องราวมันยาวมากๆ หากจะพรรณามาหมด เลยขอย่อๆ ประมาณนี้










เมื่อชมวิวเสร็จก็ได้เวลาลงเขา ซึ่งทางลงค่อนข้างมีโค้งเยอะและลาดชัน จึงได้ใช้ระบบ DAC หรือระบบช่วยลงเขา โดยไม่ต้องเหยียบเบรคนั่นเอง พี่ๆคนขับเลยชิลมาก แค่บังคับพวงมาลัยอย่างเดียว
จากนั้นก็ไปจุดที่ใกล้เทือกเขาอารารัต เพื่อจะได้ถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ก่อนจะออกเดินทางไปยังเมืองดอกูบายาซิต Dogubayazit ที่ห่างออกไปไม่ไกล ไม่นานเราก็มาถึงและเช็คอินเข้าที่พัก






เข้าพักกันที่นี่คืนนึง ระหว่างนั้นก็ได้ไปเดินสำรวจเมืองนี้ ที่บริเวณถนนคนเดิน ที่ยิ่งค่ำ คนก็จะยิ่งเยอะ เพราะเค้าถือศีลอดเช่นดียวกัน หลังพระอาทิตย์ตกดิน ก็จะครึกครื้น แต่เดินอยู่ไม่นาน ก็เข้าไปพักผ่อน พรุ่งนี้ยังมีไฮไลท์รออยู่!!
ขอสวัสดีอย่างเป็นทางการ “ตุรกี”