เรื่องเก่าเล่าใหม่ EP16
โดย : โบ๊ท-มหาสมุทร สายสวรรค์
อ่าน เรื่องเก่าเล่าใหม่ EP15 “ทัชเค้นท์-ซามาร์คานด์-บูคารา, อุซเบกิสถาน”
วันที่ 22 มิถุนายน 2559 : อีกหนึ่งครั้ง กับการข้ามพรมแดน ที่รู้สึกว่าเพิ่งข้ามมาไม่นาน วันนี้จะต้องข้ามกันอีกครั้ง เพื่อไปยังประเทศที่หลายๆคนแทบไม่รู้เลย ว่ามันเป็นยังไง เพราะไม่ค่อยมีใครไปกัน วีซ่าขอยาก ประเทศก็ค่อนข้างปิด ประเทศที่ว่านี้คือ เติร์กเมนิสถาน Turkmenistan ดินแดนอันไกลโพ้นขอบฟ้าจากสารขัณฑ์สุวรรณภูมิ
ไม่ต้องสงสัยว่า วันใดมีการข้ามประเทศ การตื่นแต่เช้า ออกแต่หัววันต้องมีมา วันนี้ก็เช่นกัน
ไฮลักซ์ รีโว่ คาราวาน ทริป บทพิสูจน์จริงระดับโลก ได้เคลื่อนพลตะแหง่วๆ ออกจากเมืองบูคารา Bukara กันแต่เช้า ผ่านเมืองเก่า รวมไปถึงป้อมปราการ Ark ซึ่งเป็นป้อมปราการหลักของเมือง ที่ถึงแม้จะไม่ได้เข้าชม แต่อย่างน้อยก็ได้เห็นด้านหน้า จนค่อยๆออกจากความเป็นเมือง เข้าสู่บรรยากาศของความแห้งแล้งอีกครั้ง เป้าหมายแรกคือการไปที่ด่านพรมแดนขาออกจากประเทศอุซเบกิสถาน จากตัวเมืองมาสักพักก็ถึงด่าน ซึ่งพิธีการของประเทศนี้ยังคงมีความละเอียดเนียนละออเช่นเคย ตรวจทั้งรถ ทั้งคน กว่าจะผ่านมาได้ก็ใช้เวลาพอสมควร ยังดีที่เร็วกว่าขาเข้ามากครับ
เสร็จจากด่านขาออกตรงนี้ ไปอีกไม่ไกล ผ่าน no man land (พื้นที่ระหว่างชายแดน ที่กันไว้ไม่ให้ผู้คนอยู่อาศัย) อีกนิดหน่อย ก็ไปถึงด่านขาเข้าประเทศเติร์กเมนิสถาน ซึ่งพอมาเห็นด่านก็รู้สึกถึงความแตกต่างห่างชั้น หากเทียบกับด่านของประเทศที่เพิ่งผ่านมา ทั้งความสะอาด สถานที่ แต่ก็ยังมีการตรวจเข้มไม่ต่างกัน ตรวจรถทีละคัน เปิดของ เช็คนู่นนี่นั่น ตรวจคนทีละคน เปิดกระเป๋าใหญ่ เล็ก อันไหนสงสัยก็เช็คไปตามระเบียบ และใช้เวลาไปพอสมควร
ในที่สุด ไฮลักซ์ รีโว่ คาราวาน ทริป บทพิสูจน์จริงระดับโลก ก็ข้ามมาอยู่ประเทศเติร์กเมนิสถานเรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็เป็นเวลาเย็นย่ำสนธยาพอดี เป็นอีกครั้งที่ต้องวิ่งแข่งกับแสง ถนนนอกเมืองของประเทศนี้นั้นค่อนข้างขรุขระ เกือบจะตลอดทาง ซึ่งจะว่าไปเราขับรีโว่บนถนนแบบนี้มาหลายวันเหมือนกัน แต่ด้วยช่วงล่างที่แข็งแรง สภาพถนนที่ชำรุดก็ไม่ได้สร้างปัญหาอะไร แถมยังมีระบบ VSC ช่วยในการทรงตัว เพิ่มความมั่นใจว่าหนึบแน่ๆเวลาขับบนพื้นผิวถนนลื่นๆ
เอาล่ะ มารู้จักประเทศเติร์กเมนิสถานแบบพอสังเขป
เติร์กเมนิสถาน เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลใหญ่ พื้นที่ส่วนมากเป็นทะเลทรายแห้งแล้ง ทิศใต้อยู่ติดกับอิหร่านโดยมีเทือกเขาคั่นกลาง ทิศตะวันตกติดกับทะเลแคสเปียนที่เป็นแหล่งน้ำมันขนาดใหญ่ ทิศเหนือและทิศตะวันออกอยู่ติดกับอุซเบกิสถานและอัฟกานิสถาน โดยประเทศนี้ได้ชื่อว่า เป็นชาติที่โดดเดี่ยวที่สุดในกลุ่มเอเชียกลางทั้งห้าประเทศ ส่วนเศรษฐกิจเน้นไปทางส่งออกน้ำมัน และแก๊สธรรมชาติเป็นหลัก และประเทศนี้บอกเลยว่ารัฐบาลมีอำนาจการปกครองแบบเบ็ดเสร็จ ไม่ค่อยยุ่งกับโลกภายนอก แต่ก็เชื่อว่าน่าจะเปิดมากขึ้นในอนาคต สื่อต่างๆถูกควบคุมอย่างเข้มงวด โลกโซเชี่ยลทั้ง facebook IG โดนบล็อกหมด การขอวีซ่าก็ถูกควบคุมอย่างเข้มงวด ไม่ได้เข้ามาง่ายๆ ต่างกับสมัย 800 กว่าปีก่อน ที่ประเทศนี้ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางทางการค้าแห่งหนึ่งบนเส้นทางสายไหม เอาล่ะ ขอแนะนำเท่านี้ก่อน เดี๋ยวไว้ไปขยายความต่อในส่วนของแต่ละเมืองครับ
ปลายทางของวันนี้คือเมืองมารี หรือ แมรี่ Mary แต่ยังมีระหว่างทางให้แวะไปสัมผัสในช่วงโพล้เพล้กันก่อน ซึ่งก็คือเมืองเมิร์ฟ Merf ซึ่งเป็นทางผ่านพอดี เมืองนี้ในอดีตเคยเป็นจุดแวะพักของกองคาราวานสินค้า ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาล โดยในช่วงศตวรรษที่ 11 นั้นได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในสมัยนั้น แต่ไม่นานก็ถูกกองทัพมองโกลยกทัพมาตีจนพังพินาศยับเยิน ร่องรอยที่เหลือมีเพียงซากกำแพงและซากปรักหักพังต่างๆ โดยมีจุดหนึ่งที่เราแวะไปชมคือ mausoleum sultan sanjar ซึ่งเป็นสุสานของ Ahmad Sanjar บุคคลสำคัญในอดีตของประเทศนี้ เราไปถึงก็ฟ้ามืดพอดี เมื่อชมเสร็จก็ทานข้าวมื้อเย็นกึ่งแคมปิ้ง camping คือ ยืนทานกันข้างๆรถเลย จากนั้นเดินทางต่อไปยังเมืองมารี ซึ่งอยู่ห่างออกไป 30 กว่ากิโล
ผ่านไปสักพัก คณะไฮลักซ์ รีโว่ คาราวาน ก็เข้าถึงเมืองมารีจนได้ ซึ่งเมืองนี้ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ เรามาถึงกันดึกพอสมควร จึงมีเวลาเพียงแค่เดินไปดูมัสยิด ที่เปิดไฟสว่างจ้ากลางเมือง แล้วก็กลับมาเข้านอน พรุ่งนี้เตรียมตัวมุ่งหน้าสู่ เมืองหลวงของประเทศ คือ เมืองอาชกาบัต Ashgabad