หลังจากทำงานกันมาอย่างเหน็ดเหนื่อย การที่ได้ขับรถคู่ใจเดินทางไปพักผ่อนก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ อย่างไรก็ตาม เราต้องแน่ใจว่ารถของนั้นจะอยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุดก่อนออกเดินทาง เพื่อป้องกันและลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุ หรือ รถเสียระหว่างทาง เราเลยจะมานำเสนอ 7 วิธีง่าย ๆ ไว้ให้ทุกคนได้ลอง เช็ครถก่อนเดินทางไกล กันดู
ทำไมการตรวจสภาพรถก่อนออกเดินทางจึงเป็นเรื่องสำคัญ?
การตรวจเช็ครถก่อนเดินทางไกลนั้นเป็นสิ่งสำคัญ เพราะการเช็คสภาพรถยนต์นั้นจะทำให้เรามั่นใจได้ว่ารถยนต์ของเราทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งจะเป็นการลดโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุระหว่างการเดินทาง นอกจากนี้ยังช่วยให้เรามองเเห็นถึงปัญหาที่มีโอกาสจะทำให้รถของเราเสียหายมากขึ้นได้ในอนาคต การตรวจเช็คสภาพรถอยู่อย่างสม่ำเสมอยังช่วยให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในระยะยาว และสำคัญที่สุดคือ ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของรถไปได้อีกนานเท่านาน
7 จุดสำคัญ เช็ครถก่อนเดินทางไกล
แผงควบคุมและหน้าปัด
เป็นอีกสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการเช็กรถก่อนเดินทางไกล ควรตรวจสอบแผงควบคุมและหน้าปัดภายในรถว่าทำงานปกติหรือไม่ แสงไฟ ตัวเลขบนหน้าปัดและปุ่มควบคุมต่าง ๆ สามารถใช้งานได้ตามปกติหรือเปล่า เพื่อจะได้ไม่เป็นอุปสรรคต่อการขับขี่ระยะไกล
น้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก และระบบเบรก
นับเป็นอีกสิ่งสำคัญที่ละเลยไม่ได้ ยิ่งเวลาขับรถตอนฝนตกหนัก ถนนลื่น การควบคุมรถจะยากกว่าปกติ ควรตรวจเช็กระดับน้ำมันเบรก และน้ำมันเครื่องให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ทางที่ดีควรมีน้ำมันเครื่องสำรองติดรถไว้อย่างน้อย 1 ลิตร เผื่อใช้ในยามฉุกเฉิน และอย่าลืมเช็กน้ำมันเบรก ผ้าเบรกรวมถึงระบบเบรกว่ามีความผิดปกติหรือไม่ หากน้ำมันเบรกลดลงต่ำกว่าระดับ Min หรือมีการลดลงอย่างรวดเร็วผิดปกติ ซึ่งอาจเกิดการรั่วในระบบเบรก ควรนำรถเข้าตรวจเช็กโดยช่างผู้เชี่ยวชาญอีกครั้งเพื่อความปลอดภัย
ยาง
ตรวจเช็คสภาพยาง และความดันลมยางอยู่อย่างสม่ำเสมอ ว่าเป็นอยู่ในระดับที่เหมาะสมไหม ถ้าเกิดยางมีรอยปริ หรือได้รับความเสียหายให้นำรถไปให้ช่างตรวจสภาพเพื่อเปลี่ยน หรือปะยางก่อนออกเดินทาง และอย่างลืมตรวจเช็คยางอะไหล่ หรือชุดปะยางก่อนออกเดินทางทุกครั้ง
ระแบบไฟส่องสว่าง
เช็คระแบบไฟส่องสว่าง ไม่ว่าจะเป็น ไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเลี้ยว ไฟเบรค ว่าทำงานเป็นปกติไหม ถ้าไฟดวงไหนดับ ให้ทำการเปลี่ยนก่อนออกเดินทาง
แบตเตอรี่รถยนต์
แบตเตอรี่รถยนต์ทำหน้าที่จ่ายกระแสไฟฟ้าไปยังส่วนต่าง ๆ ของเครื่องยนต์ให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก่อนออกเดินทางทุกครั้งควรจะดูว่า ขั้วแบตและฉนวนสายไฟมีการเชื่อมต่อดีหรือไม่ หมั่นตรวจเช็กทำความสะอาดคราบขี้เกลือบริเวณขั้วแบตเตอรี่ และเช็กระดับน้ำกลั่นให้อยู่ในระดับที่กำหนดเสมอ
ระบบปรับอากาศ
เช็คระบบปรับอากาศให้แน่ใจว่าทำงานได้ไม่ติดขัด ถ้าหากมีเสียงแปลก ๆ หรืออากาศที่ออกมาไม่มีความเย็น และไม่แน่ใจว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร แนะนำให้ไปที่ศูนย์บริการใกล้บ้านเพื่อให้ช่างผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจสอบ
ที่ปัดน้ำฝน
เช็คใบปัดน้ำฝนว่าอยู่ในสภาพดีหรือไม่ และทำงานได้ปกติรึเปล่า หากตัวใบปัดมีปัญหาหรือยางปัดเปื่อย ยุ่ย หมดสภาพ ให้รีบเปลี่ยนก่อนออกเดินทาง หรือควรเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝนทุก ๆ 6 – 12 เดือน
ง่าย ๆ เท่านี้เราก็สามารถมั่นใจได้ว่ารถของเราจะอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ และออกเดินทางได้อย่างมั่นใจไม่ว่าจะทริปไหน ๆ