เรื่องเก่าเล่าใหม่ EP8
โดย : ก้องเกียรติ ศรีทับทิม
(กรุงเทพฯ-เวนิส : 3 มิถุนายน-17 กรกฎาคม 2559) ตอนที่ 8 ทูหลู่ฟาน-คูกา (650 กม.)
เรื่องเก่าเล่าใหม่ EP7 “ฮามี่-ทูหลู่ฟาน”
ค่ำมืดวันที่ 12 มิถุนายน 2559 : คืนนี้ชาวคณะไฮลักซ์ รีโว่ คาราวาน พักกันที่โรงแรมแถวๆชานเมืองทูหลู่ฟาน พอถึงที่พักก็เข้าห้องอาหารกันเลย มีทั้งไข่เจียวที่หั่นเป็นชิ้นมาให้เรียบร้อย พร้อมด้วยไก่ทอด เป็ดทอด ผัดผักกวางตุ้ง ผัดกะหล่ำปลีกับมะเขือเทศ ผัดผักป๋วยเล้งกับเห็ดหอม ซุปไก่น้ำข้น และมีพริกชี้ฟ้าหั่นเฉียงมาแกล้มให้ด้วยสำหรับคนกินรสจัดจ้าน จากนั้นก็เดินแกว่งกะโปกขึ้นไปนอนหงายไข่ห้อยบนห้องพัก แล้วหลับใหลไร้สติในบัดดลนั้นแล
ฟ้าสางวันที่ 13 มิถุนายน 2559 : วันนี้ตื่นมาในช่วงเวลา 6 โมงเศษ เมื่อมองไปนอกหน้าต่าง พบว่าบริเวณด้านหน้าโรงแรมที่พัก หนาแน่นไปด้วยสวนองุ่น และมีสายหมอกลอยล่องอยู่เต็มไปหมด จึงคว้ากล้องมาถ่ายเก็บไว้ 2-3 รูป ก่อนเตรียมเดินทางไปเมืองคูกา (kuqa)
ชาวคณะของเราเดินทางออกจากเมืองทูหลู่ฟาน ซึ่งเส้นทางยังแห้งแล้งกึ่งทะเลทราย แต่มีดงกังหันยักษ์อยู่มากมายเพื่อผลิตไฟฟ้าจากพลังลม พอถึงทางแยกคุ้นๆตา คุณอ้น-ธนภัทร จักรบวรมงคล จากทรานส์เอเซียรูท ที่ขับรถนำกองคาราวาน ก็พาเลี้ยวขวาไปทางอูหลู่มู่ฉี ซึ่งเป็นเมืองหลวงของมณฑลซินเจียง ขับเพลินไปได้สักพักก็บอกว่า “อย่าตามผมมา ผมหลงทางครับพี่” ทำให้ต้องย้อนกลับไปตั้งหลักที่แยกเดิม
พอเริ่มหลงทางก็ต้องหาที่จอดกางแผนที่ เพื่อตั้งหลักขำขันกันใหม่ พอดีตรงนั้นมีปั๊มน้ำมัน จึงแวะอุดหนุนเขาหน่อย แต่พอลงจากรถ คนตัวเล็กๆเนี่ยปลิวไปตามลมแน่ๆ เพราะคนตัวใหญ่ๆระดับบิ๊กไซส์ 3XL ยังเกือบคลาน ต้องตั้งหลักเดินสู้กับลมกันเลย หลังจากเติมน้ำมันเต็มทุกคันก็เดินทาง ช่วงนั้นได้สวนกับรถท้องถิ่นที่น้ำมันหมด คนขับรถและผู้ที่มาด้วยกัน ต้องลงมาช่วยกันดันก้น เข็นเข้าปั๊ม แต่ทางเข้าปั๊มมันลาดชันขึ้น แล้วมาเจอช่วงลมพัดแรง รถก็ถอยหลังกลับไปอีก เด็กปั๊มเห็นก็ต้องออกมาช่วยเข็นอีกหลายแรง กว่าจะเข้าปั๊มเติมน้ำมันได้ งานนี้เหนื่อยกันถึงขนาดเดินดากโก่งเลย
ก่อนจะทานอาหารกลางวัน คณะเราได้แวะชมความงามของหุบเขาที่ถูกทั้งลม น้ำและหิมะกัดเซาะ จนเกิดเป็นแคนยอน ซึ่งไกด์ท้องถิ่นเรียกว่า หงเฉ่อ ก่อนจะมุ่งหน้าสู่เมืองโครา เพื่อทานมื้อเที่ยง แต่ก็มาเจอด่านตำรวจจีน ซึ่งมาตั้งด่านตรวจกันอีกแหล่ว คราวนี้โดนตรวจแบบละเอียดยิบเลย เช็คข้อมูลทุกคนในขบวน มีใครกันบ้าง แล้วมาทำอะไรในเมืองนี้ ก่อนจะตอบไปว่ามาทานข้าวกลางวัน ตำรวจจีนรู้แจ้งแถลงการณ์แล้วก็กลัวว่าขบวนเราจะหาร้านข้าวไม่ได้ จึงขับตามท้ายขบวนมาด้วย นับว่าเป็นความเท่ยิ่งนัก
มื้อกลางวัน อุดมสมบูรณ์ไปด้วยไก่ต้ม ขาหมู ผัดผัก ที่รสชาติดีกว่าในโรงแรมตั้งเยอะ โดยเฉพาะน้ำจิ้มไก่ที่ออกรสจัดจ้าน เปรี้ยวๆคลุกกับข้าวสวยร้อนๆนี้ก็โอเคแล้ว นอกจากนี้ยังมีไก่ผัดกะเพรา และน้ำพริกที่เตรียมมาจากเมืองไทย ทำให้มื้อนี้ผ่านไปได้ด้วยคะแนนเต็มสิบ ครั้นออกจากเมืองโครา ก็ต้องผ่านด่านตรวจเดิมอีก คราวนี้มีตำรวจสาวด้วย ทำให้หนุ่มๆในขบวน ไฮลักซ์ รีโว่ คาราวาน ต้องเหลียวมองจนใบหน้าหันไปอยู่แทนท้ายทอย เหมือนท่าตบจูบ ว่าซ้าน
ก่อนจะเข้าเมืองคูกา คณะจะแวะเติมน้ำมันกันอีกรอบ แต่ปั๊มไม่ยอมเปิดให้บริการ และปิดกั้นอย่างแน่นหนาซะด้วย ทั้งแท่งปูนแบริเออร์ เหล็กกั้น พร้อมยามเฝ้าที่ใส่เสื้อกันกระสุนด้วย อันนี้ต้องเข้าใจนะครับ ซินเกียงอุยกูร์นั้นมีความขัดแย้งทางการเมืองมาบ่อยๆ ฆ่ากันตายก็เยอะ เป็นข่าวไปทั่วโลกก็แยะ เขาจึงต้องเซฟตี้มากๆในบริเวณที่มีความอ่อนไหว ไกด์ท้องถิ่นได้เข้าไปเจราจาอยู่พักใหญ่ จึงยอมเปิดทางกั้น ให้เข้าไปเติมน้ำมันได้ แต่เขาก็ยังพยายามขอตรวจดูภายในกระบะด้วยว่ามีอาวุธจะมาก่อเหตุร้ายแรง ปล้นปั๊มน้ำมันหรือไม่ วันนี้เข้าถึงที่พักราว 6 โมงเย็น เมื่อขึ้นห้องพักได้ ก็ล้างหน้าล้างตาพอเรียกความสดชื่น จากนั้นลงมาที่ร้านอาหารข้างๆโรงแรม แต่กว่าจะได้ทานก็นานซะหน่อย เพราะทางร้านมีลูกค้ามาทานอาหารค่ำกันมาก ส่วนใหญ่ก็เป็นหนุ่มๆจากฐานขุดเจาะน้ำมัน ที่รวมกลุ่มมาสังสรรค์หลังเลิกงาน ซึ่งอาหารค่ำของพวกเราวันนี้มีทั้ง ผัดไก่ ผัดถั่ว ปลาทอด ไข่เจียว ซุป หมูผัดเปรี้ยวหวาน ทานเสร็จก็ร่วม 3 ทุ่ม แต่พระอาทิตย์ยังไม่ตก ฟ้ายังสว่างไสว แล้วพรรคพวกที่จะออกไปท่องราตรีนี้ เขาจะได้ไปกี่โมงยามล่ะ ???
เมืองคูกา นับเป็นเมืองยุทธศาสตร์ที่สำคัญเมืองหนึ่ง เพราะมีแหล่งน้ำมันอยู่มาก แม้ในเมืองก็มีคลังน้ำขนาดใหญ่อยู่หลายแห่ง ดังนั้นหากจะทำอะไรโฉ่งฉ่าง ต้องเกรงใจความเปราะบางของพื้นที่ด้วย เข้าใจว่าที่นี่ปืนน่าจะลั่นง่ายกว่าที่อื่น โปรดติดตามตอนต่อไป