โดย : ก้องเกียรติ ศรีทับทิม
(กรุงเทพฯ-เวนิส : 3 มิถุนายน-17 กรกฎาคม 2559)
ตอนที่ 7 : ฮามี่-ทูหลู่ฟาน
ท่านผู้อ่านครับ คาราวานจะมุ่งหน้าสู่ทูหลู่ฟาน บนถนนที่ตรงยิ่งกว่าเถร ผ่านภูเขาและทุ่งทราย ไปสู่โอเอซีส แถวนี้รณชิตเคยมาเดินแกว่งกระโปกเมื่อ 16 ปีที่แล้ว เราก็ชอบใจกับการขุดอุโมงค์นำน้ำหิมะจากยอดเขาเทียนซาน มาใช้ในการปลูกองุ่น ระยะทางราว 5 พันโล ถ้าใส่ให้ไหลมาในคลอง มันก็โดนแดดเผาแห้งหมด จึงต้องมาทางอุโมงค์ใต้ดิน ซั่นดอกหวา
รณชิต เฉลิมชาติ เด็กสร้างของพ่อไกรสิงห์และแม่บุญเรือง
อ่าน เรื่องเก่าเล่าใหม่ EP6 “ตุนหวง-ฮามี่ (494.8 กม.)”
วันที่ 12 มิถุนายน 2559 : วันนี้หลังทานอาหารเช้า คณะไฮลักซ์ รีโว่ คาราวาน ทริป บทพิสูจน์จริงระดับโลก ผลัดที่ 2 ก็อำลาฮามี่เมืองแตงหวาน มุ่งหน้าสู่เมืองทูหลู่ฟาน หนึ่งใน 7 ดาราใหญ่ของมลฑลซินเกียง กล่าวคือซินเกียงซึ่งเป็นเขตปกครองตนเองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน แบ่งการปกครองย่อยออกเป็น 7 เขต อันได้แก่ จี๋ถ่าเฉิง, อาสั่วไท้, ทูหลู่ฟาน, ฮามี่, อาเค่อซู, คาเมอ และเหอเถียน ก่อนจะแยกย่อยไปอีก 17 ตำบล และ 5 เทศบาล
ไม่ต้องสงสัยถ้าผู้ว่าราชการประเทศไทยเข้าพบนายอำเภอจีน เพราะพื้นที่อำเภอเขาใหญ่กว่าจังหวัดเราเย้อะ พะนะ





คณะเราออกจากโรงแรมในเมืองฮามี่ โดยเช็คอุณหภูมิได้ 30 องศาเซลเซียส อบอ้าวหน่อยเพราะมณฑลซินเกียง มีภูมิประเทศเป็นแอ่งกระทะที่ใหญ่ที่สุดในแผ่นดินจีน (พื้นที่ 1 ใน 6 ของประเทศ) เป็นแอ่งที่ล้อมไปด้วยภูเขา แล้วยังมีทะเลทราย ถ่า-เค่อ-ลา-มา-กัน ตั้งอยู่กลางมณฑลอีกซะล่วย ธรรมชาติคงแถมมาให้นะครับ
การเดินทางวันนี้ก็เริ่มขึ้น โดยขับย้อนผ่านออกไปวงเวียนที่ผ่านเข้ามาเมื่อเย็นวาน เป็นอนุสาวรีย์รูปปั้นม้าวิ่ง เหยียบบนหลังนกนางแอ่นบนลูกโลกอีกที มีพยัญชนะกำกับไว้หลายภาษา แต่อ่านออกแค่ภาษาอังกฤษความว่า TOP TOURIST CITY OF CHINA แสดงให้เห็นว่าฮามี่เมืองแตงหวาน HAMI CITY เนี่ยคงมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยือนมากมายติดอันดับท็อป
จากนั้นก็ขึ้นถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ เป็นทางตรงที่วิ่งขนาบข้างเทือกเขาเทียนซาน สองข้างทางเป็นทุ่งทะเลทรายที่มีต้นไม้สูงไม่มากนะ ส่วนใหญ่เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง การทำความเร็วบนเส้นทางนี้อยู่ในเขตกำหนดของทางการจีนที่ให้ทำได้ไม่เกิน 120 กม./ชม.นอกจากรถในขบวนคาราวานด้วยกันเองแล้ว ยังเจอกับรถบรรทุกขนาดใหญ่ ที่ขับแบบเจ้าถิ่นไม่ค่อยหลบใคร ส่วนชาวเราเป็นคนต่างถิ่น ต้องหลบและแซงขึ้นไปเอง ช่วงวิ่งขนาบข้างเพื่อจะแซงเจ้ารถบรรทุก ถ้ามีลมแรงมากๆก็เหมือนจะถูกลมดูดเข้าหาตัวรถบรรทุก ทำให้หวาดเสียวกันบ้างเล็กน้อย เพราะแถวย่านบ้านนี้เป็นคลังลมนะครับ มีลมพัดแรงขนาดตั้งกังหันปั่นไฟฟ้ามาใช้ได้เลย





นอกจากทะเลทราย สองข้างทางยังมีอูฐสองหนอก ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีความแห้งแล้งถึงขนาดอูฐต้องสะสมอาหารไว้สองหนอก ถ้าเป็นแถวตะวันออกกลางมันมีแค่หนอกเดียว อูฐสองหนอกตามรายทางนั้นดูขนและผมของมันสั้นๆ เหมือนจะเป็นขนร่วงหรือกำลังผลัดขน พวกม้าก็เดินโยกไปเรื่อย แต่ไม่เห็นคนในบริเวณนั้น ท่าทางคงจะไม่มีเจ้าของ
นอกจากอูฐและม้าตัวจริง ยังเจอรูปปั้นไดโนเสาร์ด้วย เป็นไดโนเสาร์ตัวเล็กกว่าที่ขอนแก่นและกาฬสินธุ์ แสดงว่าแถวนี้คงไม่มีการค้นพบฟอสซิลของไดโนเสาร์แน่ๆ เพียงแต่ปั้นมาตั้งไว้ข้างทางให้ดูตื่นเต้น สลับเรียงรายไปกับป้ายเตือนคนขับรถให้ระวังหลับกลางอากาศ เพราะเป็นถนนตรงๆ ผ่านแต่ทุ่งทะเลทรายและกับป้ายระวังลมระบึง ถึงว่าถนนเส้นนี้ลมแรง แล้วมันก็บังคับให้กังหันยักษ์หมุนติ้วๆ เป็น Electrical Generating by Power of the Wind.แบบกังหันลมในโครงการชั่งหัวมันของพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล





ก่อนจะเที่ยง บริเวณใกล้ด่านข้ามเมือง ได้แวะเติมน้ำมันกันทั้งขบวน ประกอบกับรถเบอร์ 03 เกิดกระจกหน้าร้าว ซึ่งโอกาสอย่างนี้หายาก ทีมเซอร์วิสต้องปฏิบัติหน้าที่หยอดกาวสมานรอยแตก ก่อนมุ่งหน้าสู่เมืองทูหลู่ฟาน ซึ่งถนนบางช่วงปิดซ่อม จนเหลือแต่ไหล่ทางให้วิ่งผ่านไป ท่ามกลางอากาศที่ร้อนระอุ แต่ก็เดินทางกันต่อโดยไม่หยุดพัก ผ่านทุ่งกังหันยักษ์ และกล้องดักจับความเร็วไปเรื่อย กล้องที่นี่ใจดีนะครับ มันจะโชว์ตัวเลขที่ป้ายข้างทางให้เห็นเลยว่า เราวิ่งมาด้วยความเร็วเท่าไหร่ เพื่อให้รู้ว่าเราได้เข้าใกล้โซนอันตรายหรือยัง ไม่ใช่มาลอบยิงกล้องแล้วตำรวจไปดักจับข้างหน้า หรือยิงกล้องแล้วส่งบิลมาถึงบ้าน เหมือนขับผ่านคิลลิ่งโซนแล้วโดนสไนเปอร์ส่องแบบในสงคราม
พอเข้าใกล้เขตเมืองจะสังเกตง่ายครับ เพราะย่านที่อยู่อาศัยก็เป็นโอเอซีส oasis หรือแหล่งอุดมสมบูรณ์กลางทะเลทราย เห็นสวนองุ่นและโรงตากองุ่น ที่ทำมาจากอิฐก่อเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีช่องระบายอากาศเต็มไปหมด และที่ไกลออกไปโน้นก็มีแท่นขุดน้ำมันดิบ ที่อยู่กระจายมากมาย ก่อนจะแวะถ่ายรูปคู่กับหลักกิโลเมตรที่ 3333 เพื่อรำลึกถึงความหลังเมื่อ 9 ปี ที่เคยผ่านเส้นทางนี้กับ Toyota Hilux Vigo The Challenge Caravan Trip to Silk Road กับพี่ทิดจ่อย รณชิตเจงกิสจ่อยคนเดิม





ก่อนเข้าเมืองทูหลู่ฟาน ได้แวะไปชมสวนองุ่นผู่เถาโกว กับบ่อน้ำคันเอ๋อจิ่ง หรือ คาเรส เป็นระบบชลประทานที่ชาวเมืองทูหลู่ฟานในอดีตใช้ภูมิปัญญาสร้างขึ้นมา โดยขุดอุโมงค์ส่งน้ำใต้ดินที่ไหลมาจากหิมะที่ละลายจากภูเขาหิมะเทียนซาน มาหล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนด้วยระยะทางยาวรวมกว่า 5,000 กิโลเมตร แต่ติดพักเที่ยงนะครับ ไม่มีใครอยู่ให้ดูให้ถาม จึงไปกินข้าวในเมืองกันก่อน
เที่ยงนี้ดูตัวเลขอุณหภูมิ สูงถึง 43 องศาเซลเซียส ออกไปเดินข้างนอกรถแป๊บเดียวร้อนหัวมากเลย เมื่อขับผ่านสี่แยกเข้าเมือง รถในขบวนช่วงคันที่ 4-5 ก็ถูกตำรวจจีนเรียกไปสอบถามด้วยความสงสัย ทำไมผู้หญิงจึงขับรถบรรทุกแบบนี้ (รถกระบะรีโว่) แล้วมีสติ๊กเกอร์ติดรถเหมือนกันหมดทั้งขบวน จะไปไหนกันหนอเนี่ย? แต่พูดกันไม่รู้เรื่องหรอก ต้องอาศัยไกด์ท้องถิ่นที่นั่งอยู่คันหน้าขบวน ย้อนกลับมาตอบปัญหาในสิ่งที่ตำรวจจีนสงสัย ว่าเป็นขบวนไฮลักซ์ รีโว่ คาราวาน ทริป บทพิสูจน์จริงระดับโลก เดินทางมาจากประเทศไทย กำลังไปประเทศอิตาลี ว่าซ้าน





มื้อเที่ยงวันนี้ เป็นร้านอาหารข้างทางที่มีรสชาติจัดจ้านถูกปากคนไทย ทั้งปลาทอด ผักพริกหยวก พริกชี้ฟ้า ผัดผักกวางตุ้งกับหมูเส้น ผัดถั่วแขกใส่พริก ผัดหมูสามชั้น กระดูกหมูทอด ซุป ผัดวุ้นเส้นกับหมูสับ และหมูสามชั้นผัดเต้าซี่หรือถั่วขาว อิ่มเสร็จ ก็เตรียมออกเดินทางต่อ แต่พอขึ้นรถสตาร์ทเครื่องเช็คอุณหภูมิ ถึงกับตาลุกวาวเลย ตัวเลขปรากฏว่าอุณหภูมิสูงถึง 50 องศาเซลเซียส หลังมื้อเที่ยงแล้วได้ย้อนกลับไปล้างตาแก้มือที่สวนองุ่นผู่เถาโกวอีกครั้งนะครับ พอผ่านด่านตรวจอันเดิมนั้น ทั้งตำรวจและชาวคณะ ก็โบกมือทักทายกันเหมือนเพื่อนซี้ที่รู้จักกันมาแต่ชาติปางก่อน เป็นคนคุ้นเคยกันเลย
มาถึงทางเข้าสวนองุ่นผู่เถาโกว ต้องซื้อบัตรเข้าชม โดยแวะบ้านของชุมชนที่ปลูกองุ่นและอบแห้งเป็นลูกเกด ขายให้กับนักท่องเที่ยว พาเข้าไปในบ้านก็เห็นองุ่นที่ปลูกอยู่ลานบ้าน เลื้อยอยู่บนคานไม้จากหน้ารั้วบ้านไปถึงชานบ้าน มีทั้งลูกเล็กลูกใหญ่ครึ้มไปทั้งลาน พอเข้าเขตบ้านก็เจอกับถาดลูกเกดชนิดและสีต่างๆ แต่พอจะจับลูกเกด เจ้าของบ้านก็ห้าม แล้วไปหั่นแตงโมให้ชิมก่อน แต่แตงโมที่นี่หวานสู้แตงฮามี่ไม่ได้ แล้วเจ้าของบ้านก็บรรยายถึงการปลูกองุ่นชนิดต่างๆ เอามาอบแห้งในห้องอิฐที่ก่อขึ้นมา แล้วมีช่องระบายอากาศโดยเฉพาะให้อากาศผ่านจนแห้งสนิทมาเป็นลูกเกด





พอบรรยายสรรพคุณการผลิตลูกเกดเสร็จ ก็เริ่มขายของกันต่อเลย แต่ไม่มีใครสนใจ จนพี่ใหญ่ในกลุ่มเห็นใจ ส่งเงินให้ 100 หยวนไปซื้อมากินเล่นกัน พอจะเดินออกจากบ้าน เจ้าของบ้านก็ออกมาพูดว่าแบบให้เห็นใจหน่อย ช่วยกันซื้อหน่อย ลูกเกดที่ขายนี้เป็นของกลุ่มชาวบ้านที่ปลูกในละแวกนี้
ออกจากบ้านขายลูกเกด ก็มาที่สวนองุ่นผู่เถาโกว ที่ปลูกกันทั้งหุบเขา เมื่อก่อนมีการผลิตไวน์องุ่นด้วย แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ไม่มีแล้ว นอกจากถังไม้ใบใหญ่ที่ตั้งไว้ให้ดู เดินเล่นกันอยู่พักใหญ่ ออกเดินทางไปยังบ่อน้ำคันเอ๋อจิ่ง ซึ่งทางเข้าก็เป็นพิพิธภัณฑ์แสดงการก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำใต้ดิน นำน้ำที่ละลายจากหิมะบนยอดเขาหิมะเทียนซาน ส่งมาหล่อเลี้ยงชีวิตชาวเมืองทูหลู่ฟาน ในการอุปโภคบริโภคและทำการเกษตร ก่อนจะเดินเข้าอาคารที่จัดแสดงภูมิประเทศ เส้นทางอุโมงค์น้ำใต้ดิน แล้วลงดูเส้นทางอุโมงค์น้ำใต้ดินของจริง และมาโผล่ตรงกลางอีกห้อง ที่มีสินค้านานาชนิดขายให้กับนักท่องเที่ยว สามารถเรียกเงินออกจากกระเป๋าพวกเราไปได้หลายคน









ค่ำนี้คณะไฮลักซ์ รีโว่ คาราวาน พักกันที่โรงแรมแถวๆชานเมืองทูหลู่ฟาน ถึงที่พักก็เข้าห้องอาหารกันเลย มีทั้งไข่เจียวที่หั่นเป็นชิ้นมาให้เรียบร้อย พร้อมด้วยไก่ทอด เป็ดทอด ผัดผักกวางตุ้ง ผัดกะหล่ำปลีกับมะเขือเทศ ผัดผักป๋วยเล้งกับเห็ดหอม ซุปไก่น้ำข้น และมีพริกชี้ฟ้าหั่นเฉียงมาแกล้มให้ด้วยสำหรับคนกินรสจัดจ้าน โปรดติดตามตอนต่อไปนะจ๊ะ เฉพาะผลัด 2 นี้ ยังต้องเดินทางต่อไปจนถึงทัสเค้นท์ เมืองหลวงของประเทศอุซเบกิสถาน ซึ่งอยู่ไกลไปข้างหน้าอีกหลายกิโลแม้ว