โดย : ฉัตรมงคล ดวงฤทธิ์
(กรุงเทพฯ-เวนิส : 3 มิถุนายน-17 กรกฎาคม 2559)
ตอนที่ 4 : ซีหนิง-เจี่ยยวี่กวน-ตุนหวง
พบกันอีกกับการขับรถท่องเที่ยวที่สนุกที่สุด ในชีวิตของกระผม ฉัตรมงคล ลูกศิษย์พี่รณชิต เราเดินทางกันมากับทริป ไฮลักซ์ รีโว่ คาราวาน นับแต่ออกจากกรุงเทพฯมาก็นาน 6 วันเต็มแล้ว
ซีหนิง-เจี่ยยวี่กวน
วันที่ 9 มิถุนายน 2559 : เช้าวันนี้ ก็อำลาซีหนิง เริ่มออกเดินทางใหม่เป็นคำรบที่ 7 ทีมคาราวานออกสตาร์ท 8 โมง โดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่เมือง เจี่ย-ยวี่-กวน (Jiayuguan) อันเป็นที่ตั้งของด่านเจี่ยยวี่ กำแพงเมืองจีนทางฝั่งตะวันตก รวมระยะทางประมาณ 560 กม.
สำหรับจุดแวะเพลิดเพลินระหว่างทาง เป้าหมายแรกคือ เมืองจางเย่ ไปชมความงดงามของภูเขาสีรุ้ง Danxia Landform ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองซีหนิงออกไป 340 กม.การเดินทางช่วงนี้ผ่านทิวทิศน์ทุ่งหญ้าสีเขียว สลับกับแนวขุนเขา วิ่งไต่ระดับความสูงขึ้นไปเรื่อยๆ อากาศเริ่มเย็นลง และยังมีฝนตกอีกด้วย ทำให้ถนนลื่น ช่วงที่เป็นทางลงเขายาวๆ ก็ใช้ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน DAC ที่ช่วยในเรื่องระบบเบรก สร้างความมั่นใจในการขับขี่ นั่งชมความสวยงามของสองข้างทางอย่างสำราญ แม้อุณหภูมินอกรถอยู่ที่ 6 องศาเซลเซียส
ช่วงบ่ายก็เข้าสู่ภูมิประเทศที่ราบสูง ได้เห็นภูเขามีหิมะปกคลุมบนปลายยอด บรรยากาศคล้ายทิเบต เป็นเส้นทางที่งดงามมาก ถนนขับสวนเลน และมีโค้งเยอะ พอถึงช่วงบ่ายคล้อยก็เริ่มเข้าสู่ภูมิประเทศแบบกึ่งทะเลทราย เส้นทางสายไหมที่เชื่อมโลกตะวันตกกับตะวันออกตั้งแต่ครั้งบรรพกาล มันมาพร้อมกับพายุทะเลทรายที่พัดผลักข้างรถเป็นระลอก ภาพของดวงอาทิตย์ที่ค่อยๆลับขอบฟ้ากับแนวทะเลทราย เป็นการต้อนรับที่งดงามก่อนจะเข้าสู่เมืองเจียยวี่กวน และวันพรุ่งนี้คาราวานจะเข้าสู่พื้นที่ทะเลทรายอย่างเต็มรูปแบบ
เจี่ยยวี่กวน-ตุนหวง
วันที่ 10 มิถุนายน 2559 : เมื่อคืนเราพักเอนกายอยู่ใจกลางเมืองเจียยวี่กวน ส่วนการเดินทางเช้านี้ สถานีแรกอยู่ไม่ไกลจากที่พัก ออกมาจากโรงแรม ภายในเมือง ถนนเป็นเลนสวน มีเลาะเตาะแตะเข้าไปทางดินด้วย สองข้างทางมีต้นไม้เขียวชอุ่ม และในที่สุดก็เห็นแนวกำแพงเมืองจีน
เมืองเจียยวี่กวน อยู่ในมณฑลกานซู (Gansu) เป็นที่ตั้งป้อมปราการด่านสุดท้ายของกำแพงเมืองจีนทางด้านทิศตะวันตก ในอีกมุมหนึ่งที่นี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของกำแพงเมืองจีนที่ทอดจากทิศตะวันตกมาตะวันออก และเป็นจุดแรกที่เริ่มทำการก่อสร้างกำแพงเมืองจีนในสมัยราชวงศ์หมิง หรือเมื่อราว พ.ศ.1911 (ค.ศ.1368) ด่านเจียยวี่ จึงเป็นเส้นทางเปิดออกสู่เส้นทางสายไหม ที่นักเดินทางจะต้องผ่านเข้าออกในเวลานั้น
ด่านเจี่ยยวี่ อยู่ห่างตัวเมือง 6 กม.ตรงนี้เป็นไฮไลท์ของตำนานหลายเรื่อง ในอดีตเป็นจุดแบ่งเขตอารยะธรรมกับพวกคนเถื่อน วิวจุดนี้น่าทึ่งมาก คือเป็นป้อมปราการที่มีทะเลทรายแห้งแล้งล้อมรอบ แต่ฉากหลังเป็นภูเขาหิมะ ด้านในเป็นพื้นที่สี่เหลี่ยม มีร้านขายของเรียงราย และมีการแสดงการต่อสู้ให้ตื่นเต้นพอหอมปากหอมคอ โดยคณะเราก็ไม่พลาดที่จะขึ้นไปเดินด้านบนแนวกำแพง เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์การเดินทางครั้งนี้
จากนั้น คาราวานไฮลักซ์ รีโว่ ออกเดินทางต่อ สู่เมืองตุนหวงที่มีเนินทรายหมิงซา สุดอลังการรอเราอยู่ กับระยะทาง 380 กม.แล่นผ่านพื้นที่กึ่งทะเลทรายแห้งแล้ง วิวสวยแปลกตา เส้นทางเป็นถนน 4 เลน ส่วนมากตรงแหนวเลย ทำให้ได้ทดสอบอัตราเร่งของเครื่องยนต์ GD Efficient Boost ซึ่งก็ทำงานได้ดั่งใจ ส่วนอากาศเริ่มร้อนขึ้นจากเมื่อวาน เลยได้เปลี่ยนมาใช้เครื่องปรับอากาศในรถเพิ่มความเย็น และนั่งฟังเพลงจากเครื่องเสียงในรถไฮลักซ์ รีโว่ แบบสบายๆ
ใช้เวลาไม่นานนักก็ถึงเมืองตุนหวง ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของมณฑลกานซู ระหว่างทะเลทรายโกบีและทะเลทราย ทา-กลา-มา-กัน ในอดีตเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของเส้นทางสายไหม ที่นักเดินทางต้องผ่าน ทำให้มีสถาปัตยกรรมจำนวนหนึ่งเกิดขึ้น และยังคงอยู่มาถึงปัจจุบัน ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 5 ตุนหวง เป็นศูนย์กลางสำคัญบนเส้นทางสายไหม เป็นทางผ่านและจุดแวะพักของขบวนคาราวานพ่อค้า เป็นเส้นทางแห่งการเผยแพร่พุทธศาสนาจากอินเดียเข้ามายังประเทศจีน ตุนหวง จึงกลายเป็นศูนย์รวมเศรษฐกิจ และวัฒนธรรมหลายชนชาติ โดยเฉพาะจีน อินเดีย กรีก และอาหรับ หลอมรวมและช่วยกันสร้างวัดในถ้ำโม่เกา ไว้เป็นที่สักการบูชาพระพุทธเจ้า โดยปรากฏหลักฐานโบราณคดีอันล้ำค่ามีสภาพสมบูรณ์ในถ้ำแห่งนี้ ซึ่งเกิดจากการเจาะภูเขาทรายให้เป็นถ้ำถึง 492 แห่ง ตามผนังและเพดานมีรูปวาดมากมาย รวมทั้งพระพุทธเจ้าด้วยครับ
ชาวคณะได้มุ่งหน้าเข้าไปยังจุดท่องเที่ยวประจำเมือง นั่นคือ เนินทรายหมิงซา ซึ่งเป็นทะเลทรายที่มีโอเอซิส oasis โดยโอเอซิสนั้นเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติกลางทะเลทราย ส่วนใหญ่มีสภาพเป็นแอ่งน้ำอยู่ตรงกลางและมีพืชพันธุ์ล้อมรอบ ในอดีตนั้นพื้นที่ตรงไหนที่มีโอเอซิสก็จะมีความเจริญตามมา เช่นเดียวกับเมืองนี้ ทรายที่นี่ละเอียดมาก เมื่อแสงส่องลงมากระทบกับเนินทราย จะเห็นฉากเนินทรายที่เป็นชั้นๆ อย่างสวยงาม
เราได้ขับไฮลักซ์ รีโว่ บนเนินทราย ด้วยการใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ในโหมด 4H ผนวกกับระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC ที่ช่วยให้ขับเคลื่อนไปได้บนพื้นทรายที่มีความลื่น พร้อมกับการใช้ระบบควบคุมการทรงตัว VSC ขณะเข้าโค้ง โดยไม่แฉลบออกนอกเส้นทาง
หมิงซา นั้นแปลว่าทรายร้องนะครับ มันก็คงร้องหวีดหวิวตามแรงลมที่หอบมันมาไกลจากทะเลทรายจนกลายเป็นภูเขาเลากา หรือหมิงซาซานนั่นเอง
วันนี้คณะทีมขับในผลัดที่ 2 ก็เดินทางมาถึงโดยเครื่องบิน เพื่อรอเปลี่ยนไม้ที่จะร่วมสร้างประสบการณ์แห่งประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ไฮลักซ์ รีโว่ คาราวาน โปรดติดตามตอนต่อไปครับ