ช่วงโควิดบันเทิงศิลป์ที่ผ่านมา รณชิตก็มีโคโรลล่า อัลติส อยู่คันนึง ยังใหม่นะ ไม่เคยเคลมประกัน ไม่เคยชนทั้งเล็กใหญ่ ที่สำคัญคือจ่ายค่างวดยังไม่หมด ปกติก็มีซ่อมเซอร์วิสเจ๊าะแจ๊ะพองาม เพราะรถซื้อมาใช้ ไม่ได้ซื้อมาไว้ให้คนถาม
หนักๆเลยก็มีสายพานเกียร์ขาด ซึ่งก็ซื้อเชียงกงเปลี่ยนยกลูกเลย โนพอมแพม ล่าสุดเมื่อบ่าย 3 โมง วันเสาร์ที่ 20 พฤษภาคม 2566 อัลติสคันงามทะลึ่งไปเสียที่ซอยสุขุมวิท 71 ซอยแชมป์โลกรถติด คงกลัวจะไม่เท่ มันเสียที่เลนขวาอย่างสง่างามเลย เดือดร้อนต้องลงมาโบกรถคันหลัง ให้เบี่ยงออกเลนซ้าย ต้องไหว้เขาทุกคัน กลัวเขาด่าแม่นะซี แดดก็ร้อนปางตายไปครึ่งคน
ตัดสินใจเดินหาตำรวจ เวลาตกที่นั่งลำบากเนี่ยหาตำรวจย้ากยาก แต่ก็หาจนเจอ พี่ท่านยกกรวยที่ฝรั่งเรียกว่าไพล่อน มาตั้งหัวท้ายอย่างละกรวย “เนี่ยภายใน 4 โมงเย็น ถ้าออกไปไม่ได้ ต้องไปเสียค่าปรับนะ” โห ปรานีมากครับพี่
เรารู้แล้วหละ สายเกียร์ขาด แล้วมันขับฝีมือมาก ทะลึ่งขาดคาเกียร์ P เข็นออกข้างไหนก็ไม่ได้ โคตรขำชีวิตเลย งานนี้ชักช้าไม่ได้ ตอนแรกจะหารถยก ไปเจอสไลด์ออน เล่นเลยซีฮะ พันห้าร้อยบาทจากจุดเกิดเหตุมาถึงสำนักบู๊ตึ๊ง
สบายไปข้อแรกคือไม่ต้องไปเสียค่าปรับ ฮ่าฮ่า ข้อสองก็ลมโชยเกศามาบนสไลด์ออนนั่นแล
ตื่นเช้ามาวันทิตย์ โห จะหาอะไหล่ที่ไหนวะ บังเอิญ “ชาติทนงค์ หมู่แสนกอ” เพื่อนเราชาวสกลนครเป็นขาใหญ่ “ประสาสายเกียร์ซื่อๆ ผมสั่งให้ลูกพี่ได้ อะโด่”
สรุป สายๆวันทิตย์ก็ซ่อมเสร็จ แต่สายเกียร์วันทิตย์โคตรแพง สองพันห้าร้อยห้าสิบบาท ฮ่าฮ่า ส่วนค่าช่างเขาไม่คิด “สำหรับลูกพี่ ผมทำให้ฟรี วิ่งจ๊วดเลย” มันว่างั้น :ซ่อมเพียวๆ ไม่เกี่ยวกับอารมณ์ช่าง
ข้อคิดที่ได้ ปกติสายเกียร์เนี่ยนะ สิบปีซาวปีมันก็ไม่ขาด แต่มันคงอยากมาลองขาดที่รถของรณชิต และความจริงเราสามารถโยกที่หัวหมูเกียร์ ให้มาอยู่ D หรือตำแหน่งขับเคลื่อนอื่นๆก็ได้ เพื่อขับกลับบ้าน แต่ “ใครที่หนวย” จะมุดเข้าไปตรงนั้น ห้องเครื่องมันร้อนอิ๊บอ๋าย นะจ๊ะที่รัก